วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑

ตรงเส้นขอบฟ้า หนึ่งบันทึกจากเหตุการณ์สึนามิ



สึนามิเกิดขึ้นเมื่อ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ โดยครั้งแรกได้ยินข่าวเล็กๆ ในเนชั่นทีวี จนขนาดของข่าวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมเองก็สูญเสียเพื่อนไปหนึ่งคนพร้อมครอบครัวของเธอจากเหตุการณ์นี้
สิ่งหนึ่งที่คิดว่าเสียดายที่ไม่ได้ทำคือ การไปเป็นอาสาสมัครช่วยค้นหาศพ ฟังเพื่อนที่ไปร่วมกิจกรรมนี้มาแล้วอิจฉา อ่านเล่ม เราจะพาเขากลับบ้าน ของหมอพรทิพย์แล้วได้แต่อนุโมทนาในความพยายาม
สองปีแล้ว ไม่อยากให้ลืมกัน การซ้อมยังคงน่าจะมีไว้ การเตือนภัยก็น่าจะพัฒนา จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ไปเที่ยวฝั่งอันดามันอีกเลยครับ กลัว

เล่มนี้ได้มาจากคุณดี มัชชาร ฝากมาเข้าร่วมโครงการ LIF
พอดีจะไปวัดป่าธรรมอุทยานที่ขอนแก่น จะหาหนังสือที่เหมาะกับวัดหน่อย เลยพกเล่มนี้ไปด้วย

เล่มนี้มีคำนิยมจากคุณหมอพรทิพย์ (ขวัญใจผมเลยครับท่านนี้) เลยมั่นใจว่าต้องเป็นหนังสือที่ดี

เล่มนี้เป็นเรื่องที่ ดร.ปาริชาติ สถาปิตานนท์ เล่าเรื่องของครอบครัวเธอ ก่อนและหลังเกิดสึนามิ มีผู้ช่วยเรียบเรียงอีกที

เหมือนทุกครั้งที่อ่านเล่มเกี่ยวกับสึนามิ น้ำตาต้องซึมเป็นระยะๆ เล่ม เราจะพาเขากลับบ้าน ของคุณหมอพรทิพย์ ก็ประมาณนี้

เล่มนี้จะเด่นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว, การทำใจได้ของผู้เล่า ที่ต้องสูญเสียสี่ชีวิต เหลือเธอคนเดียว, การค้นหาศพที่ต้องอาศัยหลายๆ ทางเข้าช่วย
อ่านแล้วจะรู้ว่าบิดาของ ดร.ปาริชาติ สถาปิตานนท์ ท่านจะเคี่ยวเข็ญเรื่องการว่ายน้ำของลูก เพื่อจะได้ติดตัวลูกไปเรื่องนี้
เราเลยต้องลุกมาให้ลูกเรียนว่ายน้ำต่อ หลังจากกำลังจะซาๆ ไป

มีคำดีๆ เต็มเล่มเลย เช่น
"สุขก็เตรียมไว้ ว่าความทุกข์คงตามมาอีกไม่ไกล จะได้รับความจริงเมื่อต้องเจ็บปวดไหว"

อ่านเล่มนี้แล้วจุดประกายการเขียนบันทึกขึ้นมา เพราะในเล่มบอกว่า ก่อนนอนเราควรนึกว่า วันนี้มีอะไรที่เราประทับใจบ้าง แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม การคิดถึงบรรยากาศที่ดีๆ ที่ประทับใจ จะช่วยให้เราจดจำแต่ด้านดีๆ ที่สวยงาม นอนหลับฝันดี ไม่จมปลักแต่กับความทุกข์

เหตุที่ชื่อเล่มว่าตรงเส้นขอบฟ้าเพราะผู้เล่าเรื่องชอบทะเล และ เส้นขอบฟ้า
"ตรงเส้นขอบฟ้านั้นสวยงาม และฉันเองก็อยากจะบอกกับคนอื่นๆ ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติที่เรามักจะกลัวการเปลี่ยนแปลง...
ดูอย่างขอบฟ้าสิ ถึงสมาชิกในครอบครัวของฉันจะจากไปด้วยมหันตภัยทางทะเล แต่ฉันก็ยังรักทะเล และยังรักที่จะมองไปตรงเส้นขอบฟ้าที่เชื่อมต่อระหว่างน้ำทะเลกับท้องฟ้าอันกว้างใหญ่"

น่าจะถูกใจคนที่ชอบทะเลนะครับ

ท้ายสุดก็ Happy Ending เจอศพทั้งหมด

มีมุมมองในการคิดถึงผู้ที่จากเราไปจากเล่มนี้ ให้มองความดี ความน่ารัก ของคนที่จากเราไป แล้วมานั่งยิ้ม น่าจะดีกว่าการมานั่งเสียใจที่เขาจากไป
เพราะสุดท้ายเราก็ต้องไปเจอพวกเขาเช่นกัน เพียงแต่เขาล่วงหน้าไปก่อน เท่านั้นเอง


ปล.๑ สนใจเล่มนี้ยืมได้ที่โครงการ Lend It Forward
ปล.๒ ในเล่มแนะนำหนังดี Life is beautiful ที่เหมาะสำหรับคนต้องทำใจในสถานการณ์มีทุกข์ ต้องหามาดูบ้างแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: