วันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

Cape No.7 หลายชีวิตจากไต้หวัน



กำกับ : เว่ยเต๋อเซิ่ง
นำแสดง : แวน ฟ่าน, ชิเอะ ทานากะ, โคสุเกะ อาตาริ, หม่าจู่หลง
ความยาว :๑๓๗ นาที
ระดับความชอบ : ๙/๑๐

เป็นหนังไต้หวันที่มีสรรพคุณมากมาย กวาดรางวัลม้าทองคำ ๕ ตัว รายได้แซงหน้าหนังฝรั่งที่เข้าในช่วงเดียวกันในไต้หวัน

ในสีสันครบรอบยี่สิบปี คุณสิทธิรักษ์ ตุลาพิทักษ์ ก็เขียนถึงเรื่องนี้เหมือนกัน จั่วหัวว่า รักบ้านเกิด ตอนแรกก็นึกชื่อนี้ไว้เหมือนกันนะ

แต่ก็นึกถึงแนวที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ หลายชีวิต ที่ตัวละครมีหลายตัว แต่ร้อยเรียงเชื่อมโยงกันได้ด้วยจุดร่วมอย่างหนึ่ง จึงมาเจอกัน ได้เรียนรู้กัน จนมาถึงจุดหมาย
หนังแนวนี้ผมว่าทำยากนะ บทต้องดี ตัดเรื่องไปมาต้องเฉียบ ไม่งั้นงง และอาจทำให้เนื้อเรื่องไม่โดนก็ได้
แต่ถ้าทำดี โดนแรงเลยครับ
หนังเรื่องนี้ผ่านครับ คะแนนตอนออกจากโรงฯ ต่ำกว่านี้ แต่ยิ่งคิดทบทวนยิ่งชอบ และชื่นชมผู้กำกับที่คุมเรื่องได้ดีมาก
เสียนิดเดียว ไม่มีน้ำตา หากเรียกน้ำตาได้สงสัยคะแนนจะเต็ม

แต่ฉากอังกอร์วงเปิดนี่ก็อึ้งนะครับ ไม่เคยเจอ ได้ใจมากฉากนี้

ฉากที่นักร้องญี่ปุ่นขึ้นมาร้องเพลงด้วยก็ชอบ งดงามดีครับ

ลึกๆ อยากให้คุณลุงไปรษณีย์มีบทบาทดึงอารมณ์มากกว่านี้

ชอบนักคีย์บอร์ด น่ารัก กวนดี โดนพระเจ้าถีบออกจากโบสถ์ แต่ตอนท้ายก่อนขี้นเวทีก็ไปขอกำลังใจจากพระเจ้าอยู่ดี

ชอบตอนแต่ละคนไปขอกำลังใจจากสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของแต่ละคน

ชอบฉากที่ทุกคนไปส่งจดหมายแทนพระเอก เพื่อให้พระเอกแต่งเพลง

ชอบที่คุณลุงไปรษณีย์สอนจิตวิญญานของไปรษณีย์ ดีจังครับ

ไม่ชอบตอนพระเอกกับนางเอกลงเอยกัน รู้สึกว่าง่ายไป เหตุผลไม่เพียงพอ

อยากให้ดึงตอนเปิดจดหมายของโทโมโกะอีกนิด อยากร้องไห้ง่ะ

เพลงประกอบก็ไพเราะ บทเจ๋ง ภาพสวยโดยเฉพาะที่ Cape ครับ

เนื้อเรื่องก็เป็นเรื่องของหลายชีวิตที่เกิดขึ้นที่นี่ Cape No.7 (ผมเข้าใจไปเองนะครับ ในสีสันบอกว่าจดหมายมี ๗ ฉบับ)
เปิดเรื่องด้วยการร่ำลาเมืองใหญ่ของพระเอก กลับสู่ Cape No.7
กลับมาทำงานเป็นบุรุษไปรษณีย์ เนื่องจากคนเดิมขาหัก และอายุมากแล้ว แต่พระเอกก็เบี้ยวไม่ยอมส่งจดหมายให้ถึงมือผู้รับ

เรื่องราวต่างๆ เชื่อมโยงกับจดหมายจากญี่ปุ่น ส่งถึงคุณโทโมโกะ แต่เธอเปลี่ยนที่อยู่ไปแล้ว แต่เมื่อจะตีคืน พระเอกดันมาแอบอ่าน เลยทำให้เจอรักแท้ที่เนิ่นนาน งดงาม คงทน

อีกเรื่องที่นำมาเชื่อมโยงคือ วงดนตรีท้องถิ่น ที่ต้องมาเป็นวงเปิดให้กับนักร้องญี่ปุ่น เพราะท่าน ส.ท.ห่วงคะแนนเสีียงในการเลือกตั้งคราวหน้่า

ต้องยอมรับการเชื่อมโยงสองเรื่องเข้าด้วยกัน กับตัวละครหลายตัว ปกติไม่ค่อยเห็น มักใช้เรื่องเดียวเชื่อมโยง หนังเรื่องนี้จึงดูพิเศษ และคุมโทนเรื่องได้ เจ๋งจริง

โดยรวมเป็นหนังที่ดีมาก คุ้มค่าต่อการชมเป็นอย่างยิ่ง

Link ที่เกี่ยวข้อง : หนังแนวหลายชีวิตเรื่องอื่นๆ

ปล.ขอบคุณเจ๋ง (เพื่อนสมัยมอปลาย) ที่มาดูหนังด้วย กลัวเหมือนกันจะทำให้เพื่อนลำบากเพราะดูไม่รู้เรื่อง เคยเป็นมาแล้วตอนชวนตู่ (เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย) ดู Gomorra มึนหัวกันทั้งคู่เลย แต่ได้ยินเจ๋งบอกว่า "หนังเมื่อวานดีนะ" ค่อยโล่งอก ไว้ดูกันใหม่นะครับ

วันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ความจำสั้น แต่รักฉันยาว : หนังไทยที่เขาว่าดี



กำกับ : ยงยุทธ ทองกองทุน
นำแสดง : อารักษ์ อมรศุภศิริ, ญารินดา บุญนาค
ความยาว : ๑๑๘ นาที
ระดับความชอบ : ๗.๕/๑๐

หนังเรื่องนี้มีคนพูดถึง ๒ ราย คือน้องที่ทำงาน และ บทวิจารณ์ในนิตยสารสีสัน ทั้งสองเสียงออกมาในทางชื่นชม
ทำให้เกิดความคาดหวังเมื่อจะดู

หนังทำออกมาใช้ได้ แต่มีความรู้สึกไม่ค่อยพีค ไม่ค่อยเนียน ออกจะสับสนระหว่างตัวเอกทั้งสองคู่ ตกลงใครเด่นกว่าใคร หรือหนังจะบอกอะไร

ชอบประเด็นที่นางเอกเป็นคนรักสัตว์ แล้วเป็นแรงบันดาลใจให้พระเอกเลือกเรียนสัตวแพทย์ มักจะรู้สึกดีกับความรักที่กลายเป็นแรงผลักในด้านดีแบบนี้ครับ เคยรู้สึกแบบนี้ในการ์ตูนเรื่อง Whisper of the heart ชอบครับ

ส่วนเนื้อเรื่องในเรื่องนี้ที่พยายามผูกกันหลายเรื่อง ทั้งความจำที่กำลังจะเสื่อม ก็ไม่รู้ว่าความรักจะยาวจริงหรือเปล่า หนังไม่ได้แสดงให้ชัด ดูเหมือนความจำยังอยู่จนจบเรื่องนะ

หลายประสบการณ์ในชีวิตทำให้เราเกิดความประทับใจได้ อย่างในเรื่องนี้ก็เริ่มจากพระเอกเมาแล้วขับจนโดนจับมาบำเพ็ญประโยชน์ จึงมาเจอเรื่องราวความรักของผู้สูงวัย ก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ ไป
แต่เมาแล้วขับนี่ ไม่ต้องจำไปใช้นะครับ เป็นสิ่งที่แย่มากเท่าที่โลกนี้เคยมีอยู่
เมาแล้วนอน กลับ Taxi ดีกว่าครับ

ต้นไม้ สวน ก็ร่มรื่นดี อยากมีสวนง่ะ ไม่ค่อยเกี่ยวกับหนังเท่าไหร่ แค่ความอยากเป็นการส่วนตัว

ประเด็นที่เอาต้นไม้มาสอนใจและสร้างแรงฮึดก็ดี แล้วนำพาต่อมาสร้างความประทับใจตอนท้ายเรื่องก็ทำออกมาได้ดี ดูแลไว้เถอะครับคนแก่ เพราะไม่มีพวกเขาก็ไม่มีเรา อีกอย่างเขาอยู่ให้เราดูแลไม่นานแล้ว ไม่ต้องรอให้ทำศพยิ่งใหญ่ ไม่มีประโยชน์ครับ ดูเรื่อง Departures ดูครับ อย่ารอจนมาแต่งศพให้สวยนะครับ ว่าแล้วก็โทร.หาแม่ดีกว่า

สรุปว่าไม่โดนโดยส่วนตัว สงสัยคาดหวังมากไป แต่ยังไงก็รักหนังไทยนะ

ลองดูลิสต์รายชื่อหนังไทยที่ชอบมากๆ ของผมดูนะครับ
๑. ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ หนังไทยในดวงใจเลยครับ
๒. รักแห่งสยาม ลงตัวมากๆ หนังเรื่องนี้
๓. Season Change อยากเลี้ยงลูกให้น่ารักเหมือนนางเอก
๔. ฝัน บ้า คาราโอเกะ ยอดเยี่ยมทุกมุมมองครับ
๕. แฟนฉัน น่ารักมากมาย ชอบผู้กำกับทีมนี้ทุกคนเลย
๖. ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น ไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแล้ว
เคยชอบหนังตลกเก่าๆ เช่น ฉลุย, กลิ้งไว้ก่อน พ่อสอนไว้ ดูเรื่องปิดเทอมใหญ่ฯ เลยนึกได้อารมณ์แบบนี้ ที่ไม่มีมานาน
๗. Me Myself หนังเรื่องแรกของพงษ์พัฒน์ที่ชอบครับ
๘. Goal Club จริงๆ ชอบ เรียว กิตติกร แทบทุกเรื่องเลย แต่เรื่องนี้ชอบมากสุดเลย เพราะชอบฟุตบอลครับ เนื้อเรื่องเลยใกล้ตัว
๙. กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ หนังครอบครัวที่แรงและดีที่สุดตั้งแต่ดูหนังไทยมา คิดถึง บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ในยุคเฟื่องๆ จัง
๑๐. มอหกทับสองห้องครูวารี อีกเรื่องที่รักมาก ยอวอด้วย แอบชอบเพราะชื่อพ้องกับโรงเรียนเรา ญอวอ แต่คนละมุมประเทศเลย แถมมอหกทับสองตรงกันอีกด้วย แต่หนังหนักนะ ใช่จะสนุกอย่างเดียว

ตอนนี้หนังไทยที่อยากดูมากคือ มนต์รักทรานซิสเตอร์ หายากจัง พี่คนขายตั๋วที่ House Rama บอกว่าเขาไม่ได้ทำเป็นซีดีไว้ด้วยเรื่องนี้ จะมีวาสนาได้ดูไหมนะเรื่องนี้

เพื่อนๆ ล่ะครับ หนังไทยเรื่องไหนอยู่ในใจคุณบ้างครับ

วันพุธที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

City of God : หนังแก๊งสเตอร์ที่สนุกมาก



กำกับ : Fernando Meirelles, Kátia Lund (co-director)
นำแสดง : ประชาชนที่อยู่ใน City of God
ความยาว : ๑๓๐ นาที
ระดับความชอบ : ๙/๑๐

ได้หนังเรื่องนี้จากคุณหมอ Jonykeano เขาส่งมาให้พร้อมหนังที่ขอยืมไป Bowling for Columbine เนื่องจากอยากดู Michael Moore อีกซักเรื่องหลังจากดู Fahrenheit 911 แล้ว
ดูเรื่องที่ตั้งใจยืม ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

จนโดนคุณหมอทวงแล้ว จึงรีบดู ขออภัยมากมายที่ล่าช้า
เริ่มจากเรื่อง Pi ที่ดูไปก่อนหน้านี้แล้ว เป็นหนังขาวดำ พี่จิก-ประภาส ชลศรานนท์ แนะนำไว้ในบทความของเขาว่าน่าสนใจ
เอามาดูก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

เรื่อง City of God นี่ดูแบบไม่คาดหวังเลย แต่เจ๋งมาก น่าติดตามจนจบเรื่องเลย แม้จะเป็นเรื่องราวของแหล่งเสื่อมโทรมในบราซิล อ่านหลังปกบอกว่า City of God เป็นหมู่บ้านเอื้ออาทรของบราซิล เวลาถ่ายภาพหลังคาของ City of God เห็นเป็นแถวเป็นแนวเรียบร้อยเชียว คนส่วนใหญ่ในชุมชนนี้จะมีผิวดำ และเป็นนักเลงกันตั้งแต่เด็ก

ผมว่าส่วนที่ทำให้แก๊งสเตอร์เรื่องนี้น่าดูคือการเดินเรื่อง ที่ฉับไว ทันสมัย เล่าเรื่องได้ลื่น และเชื่อมโยง ดูไม่เบื่อเลยครับ
แม้ดาราจะไม่ค่อยเจริญตา ฉากยิงกัน ฆ่ากันเยอะไปหมด แต่ก็ทำได้น่าดู ต้องยกประโยชน์ให้ผู้กำกับ
เทียบกับ Gomorra แก๊งสเตอร์ของอิตาลี ที่ดูยากไปนิด นัดนี้ลีลาแซมบ้ากินอิตาลีขาดครับ

ปกหลังบอกอีกว่าชิงลูกโลกทองคำหนังภาษาต่างประเทศปี ๒๐๐๓ แต่สู้ Talk to her ของ Pedro Almodóvar
ไม่ไหว แต่ก็ยังมีดีกรีเข้าชิง ซึ่งก็สมราคา

สิ่ง แวดล้อมสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตและวิธีคิดของคน ดูได้จากเด็กใน City of God ทั้งหมดเป็นพวกที่ข้องแวะกับยาเสพติด อาวุธ และความโหดร้าย จนเป็นเรื่องปกติ
จะมีเพียงตัวพระเอกคนเดียวที่โชคดีจับพลัดจับผลูออกมาอยู่นอกวงจรนี้ได้
ไม่ค่อยเห็นบทบาทของพ่อแม่ในการอบรมลูกเลย แต่คงต้องดิ้นรน และแม้จะเป็นคนดีแล้ว อาจโดนกระทำจากคนอื่นได้เช่นกัน
ดังนั้นสิ่งแวดล้อมสำคัญมากต่อการใช้ชีวิต
บางครั้งอาจต้องหลบหนีไปเลย ถ้าทำได้

ใครอยากดูหนังแก๊งสเตอร์ ตีแผ่ดินแดนที่น่ากลัวที่สุดของบราซิลได้อย่างน่าติดตาม เรื่องนี้เลยครับ

สนุกกว่าที่คิดไว้มากเลย

ขอบคุณคุณหมอโจมากเลยนะครับ สำหรับหนังดีๆ ที่ให้ยืมมา

ปล. เปิดหาข้อมูลใน IMDb หนังเรื่องนี้อยู่อันดับ ๑๗ ของ Top250 ด้วย เจ๋งจริง

วันจันทร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

WANTED : Who are you?



กำกับ : Timur Bekmambetov
นำแสดง : James McAvoy, Angelina Jolie, Morgan Freeman
ความยาว : ๑๑๐ นาที
ระดับความชอบ : ๘/๑๐

หนังเรื่องนี้ผมได้ดู ๓ รอบ โดยทั้งหมดดูบนรถทัวร์
ครั้งแรกไม่ค่อยชอบ เพราะสีของหนังไม่สด ออกจะคล้ายหนังซูมแต่คุณภาพดีกว่า เพิ่งมารู้ในตอนชมครั้งที่ ๓ ว่าเล่นกับ Thumbdrive
ชม ครั้งแรกไม่รู้ชื่อเรื่อง รู้แต่ว่าสาวนักฆ่าคนนี้สวยมาก ยังไม่รู้เลยว่าเธอคือ Angelina Jolie เพราะผมไม่เคยดูหนังที่เธอเล่นเลย ได้ยินแต่ในข่าวการกุศล
หลังจากชมครั้งแรกเลยเฉยๆ

จนชมครั้งที่สองก็รู้สึกสนุกดี
มา อ่านเจอใน Blog ของคุณหมอ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" เขาจัดให้เรื่องนี้อยู่อันดับต้นๆ ของหนังที่เขาชอบในรอบปีเลย เขาชอบประเด็นการค้นหาตัวตน

พอได้ชมครั้งที่ ๓ ก็เลยตั้งใจดู ก็ยังสนุกเหมือนเดิม ประเด็นการค้นหาตัวตน เราเป็นอะไรในโลกใบนี้ มีตัวตน มีคุณค่ามากแค่ไหน
มุกค้นหาตัวเองใน Google ก็เจ๋งดี ยังแอบไปคุยกับเพื่อนร่วมงานเลยว่าหากหาชื่อเราบ้างเชื่อว่าเจอ แสดงว่าเราน่าจะดีกว่าพระเอกนะ

เรื่องราวซับซ้อน สุดท้ายตัวร้ายก็เผยโฉมออกมา

การเดินเรื่องจะใช้ภาพไวๆ ตัดกันฉึบฉับ ทันใจดี หลายฉากเวอร์มาก

สุดท้ายดีที่สุดเราควรจะเป็นนายของตัวเอง ควบคุมแนวทางชีวิตของตัวเองให้ได้ แล้วให้อยู่ในจุดที่เรามีความสุขกับมันมากที่สุด

หาให้เจอนะครับว่าเราเป็นใคร

มิลินทปัญหา (ฉบับการ์ตูน) ทุกการเรียนรู้เริ่มต้นที่คำถาม



เรื่อง : เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย
ภาพ : พงษ์พัฒน์ เพชรรัตน์
สำนักพิมพ์ : วงกลม
ระดับความชอบ : ๙/๑๐
การ์ตูนชุดนี้มี ๓ เล่มครับ

ซื้อการ์ตูนชุดนี้มานานแล้วครับ ตั้งแต่เริ่มออกเลย เพราะ SCG Paper ให้การสนับสนุน และมาขายพนักงานในราคาย่อมเยา ลูกสาวคนโตอ่านจบไปนานแล้ว ส่วนผมเพิ่งได้อ่าน จริงๆ เป็นแรงส่งมาจากเล่ม everybodyeverything ที่อ่านก่อนหน้านี้ ดูเหมือนการ์ตูนจะอ่านจบไวดี ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

สนุกครับ จริงๆ เชื่อมั่นอย่างนี้ตั้งแต่เห็นชื่อคนเขียนเรื่องแล้ว กาเหว่าไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย เล่มนี้ก็เป็นเช่นนั้น ผมว่าหลังๆ ชอบหนังสือในแนวธรรมะของเธอนะ ยังติดใจเล่ม ภูมิคุ้มใจ จนป่านนี้

ได้ยินชื่อมิลินทปัญหามานานพอสมควร ได้อ่านในชุดนี้ แต่ละคำถามเด็ดมาก พระเจ้ามิลิน ถามได้โดนใจ พระนาคเสน ก็ตอบได้ตรงประเด็น มีการอุปมาอุปมัยให้เห็นภาพชัดเจนในทุกๆ คำตอบ สุดยอดครับ
นึกไวๆ ในคำถาม ได้ดังนี้
• ทำไมต้องบวชถึงจะไปนิพพาน? ตอบว่าเรือลำเล็กก็ไปถึงฝั่งไว้ เพราะของรกรุงรังน้อย บรรพชิตก็จะมีห่วงน้อยกว่าฆราวาส
• อะไรไม่มีในโลก? ตอบว่าของที่ไม่เปลี่ยนแปลง เสื่อมลง ไม่มีในโลก
• ทุกข์ทางกาย ควบคุมไม่ได้ แต่ทุกข์ทางใจควบคุมได้ โดยเฉพาะไม่เอาความคิดไปปรุงแต่งทุกข์ทางกายที่ผ่านเข้ามา เพียงเข้าใจว่าทุกข์ทางกายนั้น ผ่านมาเป็นธรรมชาติ มาทดสอบเรา
• การทำดีควรทำดีตลอดชีวิต ปืนจะได้ตรงตลอดลำ

มีอีกหลายคำถามเลยครับ เป็นคำถามของพุทธศาสนิกชนที่อยากถามทั้งนั้นเลย บางคนยังสงสัยเรื่องทางสายเอกสายตรงสายนี้อยู่ ลองอ่านมิลินทปัญหา ฉบับการ์ตูนชุดนี้ครับ ย่อยง่าย เข้าใจได้ดีเลยทีเดียว

อีกประเด็นที่ชอบในมิลินทปัญหาคือ หากอยากได้ความรู้ ต้องเริ่มจากมีคำถามครับ
พระเจ้ามิลินมีข้อสงสัย จึงเกิดคำถาม เมื่อเจอผู้รู้ช่วยตอบ แล้วนำไปปฏิบัติ ก็จะกระจ่างได้อย่างง่ายดาย
แต่ทั้งหมดต้องเริ่มด้วยคำถามก่อนนะครับ หากไม่มีคำถาม การเรียนรู้ก็ไม่เริ่มขึ้น
มิลินทปัญหา บอกผมแบบนี้ครับ

ขอให้มีคำตอบในทุกๆ คำถามของชีวิตครับ

วันศุกร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒

Slumdog Millionaire : โอ้ว จามาล นายแน่มาก


กำำักับ : Danny Boyle, Loveleen Tandan (co-director: India)
นำแสดง : Dev Patel (๋Jamal), Freida Pinto (Latika)
ความยาว : ๑๑๙ นาที
ระดับความชอบ : ๙.๗๕/๑๐ (ไปอยู่ในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งเลย)

วันนี้ไปร้านหนังเจ้าประจำมา เห็นเรื่องนี้เข้า ไม่แน่ใจว่าจำชื่อถูกไหม เพราะคุ้นๆ ว่าเป็นหนังที่กวาดรางวัลมาทุกสถาบันเลย

เมื่อคืนอ่านเจอใน Blog ใครซักคนบอกไว้ว่า "เกือบเป็นหนังแผ่น แต่เมื่อเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ไม่เคยพลาดรางวัลเลยซักรางวัลที่มีในโลก"
ตอนนี้ก็เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของออสการ์อยู่

ได้ไม่ได้อย่างไร ไม่สน ได้ใจเราไปเต็มๆ

บนปกหลังบอกว่าเป็นหนัง Feel Good แห่งทศวรรษ เข้าทางเลยหนังแนวนี้
สองปีมาแล้วที่หนัง Feel Good บนเวทีออสการ์ที่เอาใจเราไป ไม่ว่าจะเป็น Juno เมื่อปี ๒๐๐๘ หรือ Little Miss Sunshine ในปี ๒๐๐๗
โดยเฉพาะ Juno ที่เป็นหนังในดวงใจไปเรียบร้อย
แล้วหนัง Feel Good จะคว้าออสการ์บ้าง จะผิดอะไรไหมเนี่ย แอบเชียร์ครับ วันจันทร์ก็รู้

ได้ความรู้จากเรื่องนี้ว่าว่าตอนนี้เมืองบอมเบย์เปลี่ยนชื่อเป็นมุมไบไปแล้ว พระเอกมาจากเมืองนี้ครับ คงเคยได้ยินชื่อสลัมบอมเบย์กันบ้างนะครับ
พระเอกนี่ไม่ใช่ Slumboy นะครับ แต่เป็น Slumdog เลยทีเดียว

หนังไม่ซับซ้อน เป็นการเล่นเกมเศรษฐีของอินเดีย ที่มีเด็กหนุ่มชื่อจามาล ที่ตอบคำถามได้หมดทุกข้อ จนเหลือข้อสุดท้ายที่จะตัดสินว่าได้เงิน ๒๐ ล้านรูปีหรือไม่
ผู้จัดเลยแจ้งตำรวจให้จับไปสอบสวนว่ามีการโกงหรือไม่

จามาลเล่าเรื่องตัวเอง โดยเชื่อมโยงกับคำถามทุกข้อได้อย่างลงตัว ออกจะเหนือจริงไปบ้าง แต่ก็ทำให้ทราบวิถีของอินเดียได้ดี
แถมได้เห็นการเอาตัวรอดของพี่น้องกำพร้า ที่ดำเนินชีวิตลำพังได้อย่างดี
เพลงประกอบเข้ามาเสริมได้ดี เป็นการเดินเรื่องแบบวัยรุ่น ไม่เยิ่นเย้อ ถูกใจครับ เพลงเลยออกมาเป็นแรปแขกบ้าง ซึ้งๆ แบบแขกบ้าง แต่ทุกเพลงไพเราะและลงตัว น่าหา OST. มาเก็บครับ

แต่ที่ประทับใจมากคือพระเอกมีความมุ่งมั่น และความรักจริงอย่างเต็มเปี่ยม รักของจามาลมั่นคง พร้อมให้อภัยกับคนที่เขารักเสมอ
ที่เขามาเล่นเกมเศรษฐีก็เพราะเชื่อว่าเธอดูอยู่ สุดยอดจริงๆ

หนังจบได้ Happy
จะว่าไปน่าจะเป็นเทพนิยายในยุคปัจจุบันอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
แต่อย่างไรก็ยังดี เอาไว้เยียวยา และสร้างความหวังให้กับเราได้ดี

โดยเฉพาะคนที่มุ่งมั่นในรักอย่างแท้จริง สักวันจะสมหวัง จามาลทำให้ดูแล้วเป็นตัวอย่าง

ฉากซึ้งๆ สุดท้ายก็ทำดี เจอกันไม่จูบปากครับ แต่หอมแผลที่ใบหน้า เพลงซึ้งๆ ยอดเยี่ยมครับฉากนี้

แอบไปดูคะแนนใน IMDb ติดอันดับ ๓๔ ของ Top250 ด้วยครับ ใส่คะแนนเชียร์เข้าไปอีกแรง
ที่ http://www.rottentomatoes.com/ ได้ ๙๔% ถูกใจ
ตอนเรื่อง Once ได้ ๙๗% สุดยอด
เลยเปิดดู Juno ให้ ๙๓% ถูกใจเหลือเกิน
Little Miss Sunshine ให้ ๙๒% ถูกใจอีกเช่นกัน

ผู้กำกับ Danny Boyle เคยกำกับเรื่อง Trainspotting หนังแนวที่ถูกใจหลายๆ คน ถ้าจำไม่ผิด ผมดูไม่รู้เรื่องครับ
แต่เรื่องนี้ทำดี รับพี่ไว้ในรายการผู้กำกับในดวงใจแล้วครับ

มุ่งมั่นในรัก ในสิ่งที่เลือก ที่คิดว่าถูกและควร แล้วตั้งใจปฏิบัติตามแนวทางนั้น
สักวันจะเป็นวันของเราครับ

ขอบคุณครับ จามาล