วันศุกร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

I give my first love to you

รักแรก รักเดียว ตลอดไป



กำกับ : Takehiko Shinjo
เขียนบท : Kotomi Aoki (manga), Kenji Bando (screenplay)
นำแสดง : Mao Inoue, Masaki Okada and Natsuki Harada
ความยาว : 122 นาที
ระดับความชอบ : 8.5/10

ได้แผ่นนี้จากเวบแลกของสุดเลิฟ http://www.coolswop.com

ไม่มี Background ของเรื่องนี้เลย เห็นมีรางวัลอยู่บนปกแต่ไม่รู้จักรางวัลเหล่านั้น
แปลงลง iPhone เพื่อเอาไว้ดูตอนเดินทาง

ทำมาจากหนังสือการ์ตูนขายดีที่ชนะ NANA เสียอีก
เห็นว่าแปลมาเป็นไทยแล้วด้วยในช่วงหนึ่ง

เป็นเรื่องราวความรักของ ทาคุมะคุง และมายุจัง
ทั้งสองเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ฝ่ายชายเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ ห้ามออกกำลังกาย และหากไม่ได้รับการเปลี่ยนหัวใจจะมีชีวิตไม่เกิน 20 ปี
ฝ่ายหญิงเป็นลูกคุณหมอที่ดูแลไข้ฝ่ายชาย
ทั้งคู่จึงเจอกันในโรงพยาบาล เจอได้อย่างไร เฉลยตอนท้ายเรื่อง ผมว่าลงตัวดีจังมาไว้ตรงนี้

พอมายุจังรู้เรื่องโรคของทาคุมะคุง ก็ไปหาใบ Clover สี่แฉก ซึ่งเชื่อว่ามีเทพเจ้าและจะขออะไรก็ได้
ฉากขอพรฉากนี้อยู่ต้นเรื่อง เล่นเอาอึ้ง ตารื้นไปเลย แรงจริงหนังเรื่องนี้

แล้วเด็กทั้งคู่ก็เป็นคู่ติดกันเป็นปาท่องโก๋ตลอด แต่ทุกครั้งที่ใกล้ชิดกันมายุจังจะร้องไห้เมื่อคิดถึงวันที่ต้องจากกัน
ทาคุมะไม่อยากให้เธอร้องไห้อีก เลยตั้งใจจะห่างออกไปจากเธอเมื่อขึ้นมอปลาย ด้วยการแยกไปเรียนอีกโรงเรียน
แต่มายุจังก็เรียนพิเศษหนักมากจนสอบเข้าโรงเรียนเดียวกันเป็นที่หนึ่ง
แถวๆ นี้ออกจะการ์ตูนนิดหน่อย แต่ผมไม่รู้สึกอะไร เพราะถือว่าไม่ใช่แก่นของเรื่อง

แก่นของเรื่องคือรักของคนทั้งสองที่งดงามเหลือเกิน
ฉากทาคุมะท้าวิ่งก็ชอบ
ฉากมายุโขกหัวขอหัวใจ น้ำตาไหลเลยครับ จะดีแค่ไหนถ้ามีใครสักคนรักเราขนาดนี้
ฉากไปฮันนี่มูนกันก็หวานได้ใจ ดูแล้วมีความสุขมาก
ฉากคุณแม่ทาคุมะขอบคุณมายุที่ทำให้ลูกชายเขารู้จักความรักก็ดี ชอบๆ
ฉากแต่งงานในตอนท้าย คำพูดประกอบการแรกพบของคนทั้งสอง สุดยอดครับ เป็นฉากปิดที่ดีมาก
เพลงปิดท้ายก็ไพเราะเหลือเกิน ลงตัวมาก

แม้ในรายละเอียดจะออกการ์ตูนๆ ไปบ้าง แต่ผมว่าไม่ได้ทำให้ความน่าดูลดลงเลย ทำให้ความรักน่ารักขึ้นอีกต่างหาก

ดาราทั้งคู่น่ารักมาก ทำผมเคลิ้มไปด้วยเลย
ผมว่าหนังญี่ปุ่นมักจะมีความลึกให้สัมผัสเสมอเลยครับ แม้เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีอะไร แต่กินใจเหลือเกิน

ผมเสียน้ำตามากมายกับหนังเรื่องนี้ครับ
ดีนะที่ดูคนเดียวที่บ้าน

หนังเรื่องนี้บอกผมว่า "การมีใครสักคนที่รักเรา เป็นความโชคดีในชีวิต"

มีความสุขทุกคนครับ

วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

ต้นไม้ใต้ดวงอาทิตย์

ดูแลโลก สไตล์ญี่ปุ่น



ผู้เขียน : ทรงกลด บางยี่ขัน
สำนักพิมพ์ : a book
จำนวนหน้า : ๒๑๖ หน้า
ราคา : ๒๐๕ บาท
ระดับความชอบ : ๘.๕/๑๐

ได้หนังสือเล่มนี้จาก http://www.coolswop.com

ผู้เขียนเป็น บก. ของ a day นิตยสารช่างคิดเล่มนี้ ผมมักจะได้ไอเดียจากหนังสือเล่มนี้เสมอเลยครับ เวบแลกของ http://www.coolswop.com ก็ได้มาจากนิตยสาร a day นี่แหละครับ

บนปกเขียนไว้ว่า “๕๐ วิธีดูแลโลกจากประเทศใกล้ชิดธรรมชาติ สนิทวัฒนธรรมเก่า ไฮเทค สร้างสรรค์ มุ่งมั่น และขี้เล่น ที่สุดในโลก”
ในเวบ Coolswop เจ้าของเดิมเขียนไว้ว่า “คุณจะได้รับรู้ถึงพลังงานและแรงบันดาลใจในรูปแบบที่คุณคุ้นเคย แต่โชยด้วยกลิ่นของโชยุและวาซาบิ เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องราว และความคิดสร้างสรรค์ของชาวญี่ปุ่นล้วน ๆ แต่ถูกนำมาปรุงด้วยรสชาติต่างๆ ทางตัวหนังสืออันกลมกล่อมละมุนละไม ใส่ความห่วงใยและเจตนาที่ดีต่อทุกสิ่งและทุกชีวิตรอบตัวลงไปคลุกเคล้า กลายเป็นฟิวชั่นจานเด็ดที่อยากใกล้สองตา หนึ่งสมองและหนึ่งใจ ของผู้อ่านทุกท่านได้สำผัสดู”

ผมเคยอ่านหนังสือของคุณทรงกลดมาแล้ว ๑ เล่ม คือ นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา

ต้องบอกว่าเกือบทุกเรื่องโดนใจครับ เพราะแนวของเล่มนี้เป็นแนวรักษ์โลก แต่เป็นแบบน่ารักๆ ของคนญี่ปุ่น

เปิดเล่มก็เอาเรื่องลูกระนาดบนท้องถนนที่เอาไว้เพื่อลดความเร็ว มีคนค้นพบว่าสามารถทำให้เกิดเสียงดนตรีได้ แต่ต้องความเร็วที่เหมาะสม ก็เลยกำหนดความเร็วที่จะได้ยินเสียงดนตรีไว้ข้างถนน ซึ่งจะเป็นความเร็วที่ชะลอแล้ว หากอยากได้ยินเสียงดนตรีจากลูกระนาดก็ลดความเร็วเอา เป็นการชักชวนให้ขับช้าที่น่ารักมาก ตามสไตล์ญี่ปุ่นเลยครับ

บางที่อ่านแล้วต้องจด เผื่อเอาคู่รักไปเยือนบ้าง นั่นคือเมืองยูบะริที่ตอนแรกไม่มีจุดขายในเรื่องการท่องเที่ยวเลย แต่เมืองนี้มีอัตราการหย่าร้างน้อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยออกจุดขาย
Yubari, no money but love. ยูบะริ ฟุไซ, ฟุไซ แปลว่า หนี้สิน หรือ คู่สมรส
ทุกอย่างในมืองนี้จะออกแนวคู่รัก ทั้งที่เที่ยว ของที่ระลึก ดังนั้นเหมาะกับคู่รักทีเดียว

Konohana Family จะเป็นชุมชนของคนทำการเกษตรอินทรีย์ที่ทำออกมาเป็นรูปธรรม น่าสนใจมาก ลองอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ครับ
http://www.konohana-family.org/files/welcome3rd_e.pdf

ปัจจุบันมีการนำฟุโระฌิกิ ผ้าห่อกล่อง กลับมาเพื่อลดการห่อของขวัญด้วยกระดาษ เพราะผ้าห่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และเป็นเทคนิคของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่โบราณ

ร้านขายเสื้อผ้า UNIQLO ที่เข้ามาในเมืองไทยปัจจุบันก็มีการรับเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วมาจัดการต่อให้

มีการศึกษา Slow Business School โดยให้ไปอยู่ที่ตำบลทะกะวะ จังหวัดฟูกูโอกะ วิถีชีวิตเนิบช้าและเป็นทางเลือกโดยแท้จริง เข้าเรียนแล้วอาจจะนึกขึ้นได้ว่าชีวิตต้องการอะไร

หรือการยืมร่มแล้วเอามาคืนแล้วได้เงินไปอีก จะได้ไม่ต้องมีขยะเป็นร่มไม่ใช้แล้วจำนวนมาก มีองค์กรอิสระที่สนับสนุนโครงการเชิงอนุรักษ์แบบนี้เป็นรูปธรรมนะครับที่ประเทศเขา

นับเป็นเล่มที่ทำให้ยิ่งชอบวิถีของญี่ปุ่นมากขึ้นไปอีก เพราะเขาช่างสังเกต ไม่หยุดคิด คิดไปเรื่อย ทดลองทำ จนได้แนวทางน่ารักๆ ขึ้นมาเสมอ

โลกเราโดนทำร้ายมาพอแล้วครับ หยุดทำร้ายโลกได้แล้ว หยุดตัดต้นไม้ได้แล้วครับ เราพัฒนามาเพียงพอแล้ว อยู่กับโลกกับธรรมชาติอย่างเป็นมิตร อย่างที่เขาเป็น แล้วเราจะอยู่กันได้โดยสันติครับ
หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะจุดประกายการรักษ์โลกให้เจิดจ้ามากขึ้นนะครับ
เริ่มที่ตัวเรานี่แหละครับ โลกอ้าแขนรอเราอยู่

มีความสุขทุกคนครับ

วันอาทิตย์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

The Help

สาวใช้ผิวสี ก็มีหัวใจ



กำกับ : Tate Taylor
เขียนบท : Tate Taylor (Screenplay), Kathryn Stockett (Novel)
นำแสดง : Emma Stone, Viola Davis, Octavia Spencer, Bryce Dallas Howard, Jessica Chastain
ความยาว : 137 นาที
ระดับความชอบ : 9.5/10

ขณะนั่งรถตู้โดยสารจากสระบุรีเข้ากรุงเทพฯ คุณบลูยอชท์ Tag มาทาง Facebook เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ 
เป็นหนังของค่าย Dreamworks ที่ทำหนังการ์ตูนเนื้อหาดีๆ ออกมาสม่ำเสมอ
คุณบลูยอชท์บอกว่าเป็นนิยายขายดีมาก่อน เป็นประสบการณ์จริงของผู้เขียนนิยายเรื่องนี้และได้เพื่อนสนิทที่มีประสบการณ์ร่วมมาแปลงเป็นบทภาพยนตร์และกำกับการแสดงด้วย
ผู้กำกับคนนี้น่าสนใจเพราะเคยกำกับเรื่อง Winter's Bone หนังหนักที่ตรึงใจได้ดีทีเดียว

เรื่องเกิดในช่วงปี 1960 ในเมืองแจ๊คสัน รัฐมิสซิสซิปปี้ ที่มีการเหยียดผิวอย่างรุนแรง ห้องน้ำก็ห้ามเข้าร่วมกัน รถเมล์เมื่อเกิดเหตุก็ไล่คนผิวดำลงจากรถทันที

โครงสร้างของครอบครัวชาวผิวขาว จะมีแม่บ้านเป็นคนผิวดำ พวกเธอทำทุกอย่างรวมทั้งเลี้ยงลูก
ดังนั้นเด็กๆ จะผูกพันกับพี่เลี้ยงผิวดำพวกนี้มาก โดยเฉพาะนางเอก
นางเอกเป็นสาวที่ขาดความมั่นใจ เพราะไม่มีชายคนใดมาสนใจ มีแต่แม่เลี้ยงผิวดำที่คอยปลอบใจ และให้ข้อคิดดีๆ ในการดำเนินชีวิตต่อ
ซึ่งคนเป็นแม่แท้ๆ ไม่เคยมีให้ 
แม้แต่รู้เรื่องในชีวิตของลูกยังไม่รู้เลย คงมารู้ตอนอ่านเจอในหนังสือ The Help นั่นแหละว่ามีเรื่องราวในชีวิตลูกสาวมากมายแค่ไหนที่ตัวเองไม่รู้
ในบ้านเราปัจจุบันก็มีนะครับ ลูกเศรษฐีแต่ชอบกินลาบเลือด เพราะพี่เลี้ยงเป็นชาวอีสาน

พี่เลี้ยงผิวดำพวกนี้ใกล้ชิด สอนสิ่งดีๆ ให้เด็กน้อย ห้ามตีคุณหนู ปลอบประโลมเวลาแม่ตัวจริงตี ไม่แปลกที่คุณหนูตัวเล็กจะพูดว่า "เธอเป็นแม่ตัวจริงของฉัน" คนเป็นพ่อแม่น่าจะสำนึกบ้างนะ ทำให้พวกเขาคลอดออกมาก็ต้องดูแลให้เต็มที่ ไม่ใช่ให้คนอื่นดูแล

นางเอกที่เป็นนักข่าว รับหน้าที่แรกตอบจดหมายเรื่องงานครัวที่เธอไม่เคยทำ จึงต้องมาพึ่งแม่บ้านผิวดำในบ้านเพื่อน เพราะพี่เลี้ยงของเธอโดนคุณแม่ไล่ออกอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มุมมองของนางเอกต่างจากเพื่อนสาวรุ่นเดียวกัน เพราะเธอไม่รังเกียจแม่บ้านผิวดำและอยากจะเขียนถึงหัวอกพวกเธอออกมาให้คนได้รับรู้
ตอนแรกได้แค่ 2 คน จนเมื่อถึงจุดเปลี่ยนโดนข่มเหงหนักๆ แม่บ้านผิวดำทั้งหลายเลยออกมาแฉเจ้านายกันถ้วนหน้า
จนได้หนังสือ The Help ออกมา

สาวใช้ผิวดำพวกนี้บางครั้งเรียก Maid บางครั้งเรียก The Help เพราะพวกเธอช่วยเหลืองานต่างๆ

บนใบปะหนังบอกว่า การเปลี่ยนแปลงบางครั้งเริ่มจากเสียงกระซิบ
ข่มเหงเขาไว้มากๆ สักวันเขาจะทนไม่ไหว แล้ววันนั้นก็จะเอาคืน เหมือนหนังเรื่องนี้

หลายฉากมากที่ชอบ โดยเฉพาะชุมชนของคนผิวดำที่ต่ำต้อยแต่อบอุ่น ชอบฉากในโบสถ์ของคนดำครับ

ดาราสาวในเรื่องนี้เล่นดีกันเหลือเกิน คนบนปกข้างซ้าย Viola Davis เล่นในบทพี่เลี้ยงอมทุกข์ เลี้ยงคุณหนูมา 17 คน แต่ลูกชายตัวเองพอต้องการความช่วยเหลือกลับไม่ได้รับ จนเขาตายตั้งแต่ยังหนุ่ม
ชอบฉากที่เธอวิ่งลงจากรถเมล์แล้วล้มที่หน้าบ้าน เธอแสดงได้ดี สงสารเธอเลยครับฉากนี้
Octavia Spencer บทเธอน่ารักและมีอารมณ์ขัน แม้ชีวิตจะหนักหนาสาหัสเหลือเกิน
Emma Stone เคยดูเธอเล่นใน Easy A เธอไม่ได้เป็นคนที่สวยมาก ซึ่งเหมาะกับบทในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
Bryce Dallas Howard สาวสวยที่รับบทตัวร้ายได้สมบทบาทจริงๆ คงมีคนสะใจในช่วงท้ายเรื่องที่เธอโดนตอกกลับนะครับ เรื่องก่อนหน้านี้ที่ดูเธอร้ายคือเรื่อง 50/50 ครับ
Jessica Chastain ในบทสาวบ้านนอกที่ชนะใจเศรษฐีหนุ่ม แต่ทำงานบ้านไม่เป็น สาวใช้ตัวดำเข้ามาเติมเต็มชีวิตเธอในทุกจังหวะชีวิต เธอเล่นดีน่ารักมาก
สาวๆ คนอื่นๆ ก็เล่นดีมาก เป็นหนังที่รวมดาราผู้หญิงไว้เยอะ และทุกคนเล่นดีหมดเลย ปล่อยของกันเต็มๆ ตามที่คุณบลูยอชท์ว่าไว้เลยทีเดียว

บทสนทนาในหนังดีมากและได้อารมณ์ดีจัง
เพลงประกอบก็ไพเราะ นั่งฟังเพลงสุดท้ายจนจบเลย
ในหนังมีครบทุกรสเลยครับ เศร้า ยิ้ม หวาน ซึ้ง จุกอกพาลจะร้อง แล้วทำออกมาได้กลมกล่อมด้วยสิ
ยังแปลกใจเลยทำไมหนังเข้าเมืองไทยแค่ Copy เดียว แล้วเวียนฉายในเครือเมเจอร์ ผมได้ดูที่ Paragon 
ผมว่าเป็นหนังดีน่าส่งเสริมเสียด้วยซ้ำ

คนเราคุณค่าเท่าเทียมกันครับ พระเจ้าไม่เคยเลือกว่าจะผิวขาวผิวดำ อย่างในฉากมีทอร์นาโดเข้า ตายเท่าเทียมกันเลยทั้งคนขาวคนดำ
แต่เมื่อเราเห็นว่าไม่เท่าเทียมจะเกิดปัญหาทันที ไม่ว่าจะตัวอย่างในหนังเรื่องนี้ หรือการเหยียดผิวจากทุกมุมโลก เพราะมันผิดธรรมชาติ
คุณค่าของคนเราใช่รูปลักษณ์ภายนอก ผิวดำขลับแบบนิโกรแต่ใจขาวสะอาดใสมีมากมาย ดังนั้นให้เกียรติต่อกันจะดีที่สุด

สันติภาพเริ่มจากความรักต่อคนรอบข้าง ใกล้ตัว เพราะพวกเขาและเธอต่างก็มีหัวใจ
รักกันไว้มากๆ นะครับ ชีวิตเราใช่จะยืนยาวนัก

มีความสุขทุกคนครับ

น้ำท่วมไปไหน? ฉันไปเป็นอาสาสมัคร

๑๒ พ.ย. ๕๔
ปล่อยให้ทหารไทยใจหล่อมากมานาน วิศวกรไทยใจก็หล่อเหมือนกัน


ได้ยินพี่ที่ทำงานพูดถึงเรื่องไปเป็นอาสาสมัครของกลุ่มนักเดินป่าในวันเสาร์อาทิตย์ เลยสนใจเพราะต้องเข้ากรุงเทพฯ มาเอายาให้ลูกอยู่แล้ว


เมื่อธุระเรื่องลูกเสร็จไว ก็เลยโทร.บอกพี่เขาว่าไปด้วย


สิ่งที่ต้องซื้อคือรองเท้าเพื่อลุยน้ำ ตอนแรกจะซื้อรองเท้ายางแต่ร้านแถวสะพานควายไม่มีขาย เลยได้รองเท้าผ้าใบมาแทน ส่วนถุงเท้าเล่นบอลพี่เขาซื้อเตรียมไว้ให้แล้ว
ถุงเท้าและรองเท้าป้องกันไม่ให้เดินไปเตะอะไรแล้วได้รับบาดเจ็บ


แล้วก็ไปรวมพลที่คอนโดในซอย ๙ พหลโยธิน
ซื้อขนมปังไปเป็นอาหารมื้อเที่ยงเพราะเราทานมังสวิรัติ ไม่เหมือนใคร


วันนี้วันเสาร์ไปที่แถวชมรมปักษ์ใต้ หมู่บ้านมหาดไทย ๒ บนถนนบางระมาด
กว่าจะถึงก็นั่งตากแดดบนรถหกล้อนานทีเดียว ทานขนมที่เตรียมมาเสียเลย


แล้วก็ลุย ใส่เสื้อชูชีพด้วย มีอาสาสมัครร่วมสิบคน
เดินเข้าไปลึกมาก น้ำมีทุกระดับ สูงสุดแค่คอ มีกลิ่นบ้าง
เมื่อถึงสะพานก็ต้องเอาของออก ยกเรือ มีแบบนี้ ๒ ครั้ง ช่วยกันแข็งขันดี


ภาระกิจของพวกเรานักเดินป่า อาสากู้ภัย คือ เอาอาหารสด ถุงยังชีพ และน้ำ ไปแจกชาวบ้านที่อยู่เข้าไปลึกๆ ความช่วยเหลือมักจะเข้าไปถึง
เวลาเจอหมา แมว ก็เอาอาหารให้พวกมันทาน
เมื่อแจกของคนแล้วก็จะถามถึงสัตว์เลี้ยงด้วย


เดินตั้งแต่เที่ยง ภาระกิจเสร็จประมาณห้าโมงเย็น แช่น้ำเน่าตลอด แจกของไม่ยั้ง หลายคนยกมือไหว้ หลายคนบอกว่าไม่เคยมีใครเข้ามาเลย เห็นแล้วน่าสงสารจริงๆ


รอบแรกแจกจนหมดของ เอาเรือมาเติมอีก จนได้ครบทุกบ้านตามที่มาสำรวจเอาไว้


อุปสรรคที่พบคือมักจะมีชาวบ้านต้นๆ ซอยขอของแจก พวกเราต้องใจแข็งเดินไปให้สุดซอยที่พวกเราเล็งไว้ ไม่เช่นนั้นจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์


ตอนเดินกลับมาขึ้นรถ เหนื่อยมาก พี่ๆ ในทีมนักเดินป่าเดินลากเรือเปล่าไวมาก หายใจแทบไม่ทัน เลยเดินจงกรมไปเลย ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ
คิดเล่นๆ ว่า หากเป็นลมลงไปจะน่าเกลียดขนาดไหนเนี่ย
แต่ก็ผ่านมาได้


ขนของที่เหลือไว้ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ แล้วก็ขึ้นรถหกล้อกลับ
เริ่มมืด ยุงเยอะมาก บินชนยังเจ็บเลย ได้แต่นึกถึงชาวบ้านที่น้ำท่วมเขาจะโดนยุงจำนวนมากนี้รบกวนขนาดไหนนะ? สู้ๆ นะครับพี่น้อง


ขากลับนั่งคุยกับตากล้องประจำทีม เธอเป็นชาวปราจีนบุรี เป็นนักเดินทาง เลยถามไถ่เรื่องจังหวัดของเธอ
เธอบอกว่าต้นโพธิ์ที่อำเภอศรีมหาโพธิ์นำมาจากอินเดีย และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดด้วย
เธอบอกอีกว่าเขาใหญ่จริงๆ แล้วพื้นที่เยอะที่สุดอยู่ในปราจีนบุรีรวมถึงทางขึ้น แต่จังหวัดนครนายก Promote เยอะกว่า
ดูแล้วเธอรักจังหวัดเธอจังนะ
เธอทำงานที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์
ชอบคำสุดท้าย "ในช่วงนี้อาสาสมัครมีเยอะขึ้นมาก เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน" ดีใจครับที่คนไทยไม่ทิ้งกัน


กลับถึงในเมือง รีบกลับห้อง อาบน้ำ หลับเป็นตาย
ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปอีก


รูปมีน้อย เอามาให้เห็นบรรยากาศครับ





ตอนเดินกลับมาขึ้นรถกลับห้อง โทรศัพท์โม้ลูกสาววัย ๑๑ ขวบว่าพ่อไปเป็นอาสาสมัครมา ลูกบอกว่าอยากไปบ้าง เลยนึกคำในตำราเลี้ยงลูกที่ว่า "การสอนที่ดีที่สุดคือ การทำให้ดู"


รักทีมนี้จัง นักเดินป่า สักวันจะพาลูกไปเดินป่าให้ได้


๑๓ พ.ย. ๕๔
อย่างนี้มันต้องถอน
หลังจากเมื่อยล้ามาเมื่อวาน วันนี้ตั้งใจจะไปอีกวัน พี่จุ่นคนที่นำทางมาติดธุระ วันนี้เลยฉายเดี่ยว


ตอนเช้าแม่โทร.มาถามว่า "น้ำเน่ามากเลยใช่ไหม?" ก็ตอบไปว่า "ครับ เน่ามาก" แม่คงงงหากรู้ว่าลงไปแช่น้ำเน่าตั้ง ๒ วัน คิดในใจว่า "ยังไม่คันครับแม่ สบายใจได้"


การเดินทางจากคอนโดใช้วิธีเดิม เติมน้ำใส่ขวดมาล้างเท้าที่บันไดรถไฟฟ้าใต้ดิน จะซื้อรองเท้าบู๊ธก็ไม่ไหวรู้สึกว่าแพง ตามด้วยแอลกอฮอร์ที่มีตั้งแต่ไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ ก็เอามาล้างขาอีกรอบ


เดินทางด้วยรถไฟฟ้า ลงจากสถานีก็ซื้อขนมปังตามประสาคนมังสวิรัติที่ทานไม่เหมือนคนอื่น ซื้อไข่ต้มตุนไว้ ๒ ฟองด้วย


เข้าไปในสำนักงาน คุณหวานบรรยายภาระกิจในวันนี้ เข้าไปเบิกเสื้อกับน้องกระแต ได้เสื้อสีชมพู สีสวยเชียว
เตรียมตัวมาดี ไม่พกอะไรไปให้เกะกะ พะวักพะวงเลย


มีพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าเมื่อวานทีมนักเดินป่าโรยตัวลงมาจากโทลเวย์เพื่อแจกของชาวบ้าน


ภาระกิจวันนี้ไปถนนโกสุมร่วมใจ เขตดอนเมือง ตรงกันข้ามร้านเจ๊เล้ง
ถ่ายรูปก่อนออกเดินทางกัน





ใช้ถนน Local Road ระดับน้ำจะต่ำกว่าถนนวิภาวดี ที่ตอนนี้กลายเป็นคลองไปแล้ว
รถหกล้อจอดที่ปากซอย ถนนโกสุมร่วมใจ เลยจัดการขนมปังที่เตรียมมา เห็นลุงและป้าคนขับรถซื้อขนมจีนมาทาน เลยถามว่าเขามีไข่ต้มให้ไหม? แกบอกว่าไม่มี งั้นผมมีให้ครับ ท่าทางจะเข้ากันได้ดีกับขนมจีน และผมก็อิ่มขนมปังแล้วด้วย ก็เลย win-win กันทั้งสองฝ่าย


ทีมตัดสินใจเอารถหกล้อลุยเข้าไปตามถนนเพื่อแจกในซอยข้างในสุด
ที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะน้ำที่นี่เน่ากว่าที่เมื่อวานครับ เกรงว่าจะคันกันถ้วนหน้า


ภาพน้ำทุ่วมของถนนสายนี้





แต่แล้วระดับน้ำสูงท่วมท่อไอเสีย เลยต้องกลับรถ ขากลับออกมารถทำท่าจะดับ เลยต้องช่วยกันเข็น เมื่อท่อไอเสียเริ่มพ้นน้ำก็พ่นควันสีขาวคละคลุ้งไปทั่วเลย คนเข็น ชาวบ้านแตกกระเจิง ใครบางคนเลยแซวว่าพ่นยาไล่ยุงกันด้วยทีมนี้ วันนี้มีภาพประกอบเพราะรู้จักตากล้องประจำทีมแล้ว








เลยต้องเอารถมาจอดที่น้ำน้อยแล้วก็ขนของลงเรือกัน





สุดท้ายก็ลุยน้ำเข้าไปแจกของอยู่ดี


รอบแรกผมไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะคนเยอะแล้ว เลยแจกข้าว กับข้าว และน้ำที่รถหกล้อให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา มีชาวบ้านอาสาพายเรือเข้าไปส่งข้าวให้ชาวบ้านในซอยด้วย ซอยแคบมากเท่าลำเรือ กว่าจะกลับเรือออกมาได้ เล่นเอาลุ้น


อุปสรรคเดิมๆ คือ ชาวบ้านที่อยู่ซอยต้นๆ ก็จะมาขอของแจก ซึ่งเราก็บอกไปตามหลักการว่าขอไปแจกข้างในก่อน แต่ชาวบ้านก็มาถามบ่อย จนคนคุมของลำบากใจเลยทีเดียว
แต่ก็ยังยึดมั่นในหลักการ


รอบสองเลยได้เข้าไปลุยน้ำกับเขาด้วย หลังจากรอมานานพอสมควร





ลุยเข้าไปถึงซอย ๙ ซอยลึกมากจริงๆ แจกกันทั่วถึง
ผู้ให้ถุงยังชีพบางที่ต้องการภาพหลักฐานการแจก เลยต้องถ่ายภาพให้เห็นชัดๆ เสียหน่อยว่าแจกจริง





เสร็จภาระกิจประมาณห้าโมงเย็น เดินทางกลับเข้าเมือง
มาขนน้ำและถุงยังชีพขึ้นรถต่อ กลับถึงบ้านเวลาใกล้เคียงกับเมื่อวานประมาณสองทุ่ม
วันนี้นั่งรถเมล์สาย ๘ กลับ ถามเขาว่าวิ่งทางเดิมไหม? กระเป๋าบอกว่าวิ่งทางเดิม เลยนั่งมาลงป้ายหน้าคอนโด ลุยน้ำนิดหน่อย


โทร.บอกลูกๆ ให้อนุโมทนาบุญ

อาบน้ำแล้วรีบเข้านอน


ขอบคุณพี่จุ่นนะครับที่ชักนำและแนะนำวิธีการลุยที่ปลอดภัย
ขอบคุณคุณบิว ที่ทำให้มีรูปสวยๆ ประกอบบันทึก
ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ชาวนักเดินป่าทุกคนที่ทำทุกอย่างแบบได้ใจ
ชื่นชมจิตอาสาทุกคนนะครับ เชื่อแล้วครับว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน

บุญกุศลที่ทำในสองวันนี้ขอให้ส่งถึงชาวไทยทุกคน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัย กลับมาเป็นปกติสุขไวๆ นะครับ

มีความสุขทุกคนครับ

น้ำท่วมไปไหน? ฉันไปเป็นอาสาสมัคร

๑๒ พ.ย. ๕๔
ปล่อยให้ทหารไทยใจหล่อมากมานาน วิศวกรไทยใจก็หล่อเหมือนกัน


ได้ยินพี่ที่ทำงานพูดถึงเรื่องไปเป็นอาสาสมัครของกลุ่มนักเดินป่าในวันเสาร์อาทิตย์ เลยสนใจเพราะต้องเข้ากรุงเทพฯ มาเอายาให้ลูกอยู่แล้ว


เมื่อธุระเรื่องลูกเสร็จไว ก็เลยโทร.บอกพี่เขาว่าไปด้วย


สิ่งที่ต้องซื้อคือรองเท้าเพื่อลุยน้ำ ตอนแรกจะซื้อรองเท้ายางแต่ร้านแถวสะพานควายไม่มีขาย เลยได้รองเท้าผ้าใบมาแทน ส่วนถุงเท้าเล่นบอลพี่เขาซื้อเตรียมไว้ให้แล้ว
ถุงเท้าและรองเท้าป้องกันไม่ให้เดินไปเตะอะไรแล้วได้รับบาดเจ็บ


แล้วก็ไปรวมพลที่คอนโดในซอย ๙ พหลโยธิน
ซื้อขนมปังไปเป็นอาหารมื้อเที่ยงเพราะเราทานมังสวิรัติ ไม่เหมือนใคร


วันนี้วันเสาร์ไปที่แถวชมรมปักษ์ใต้ หมู่บ้านมหาดไทย ๒ บนถนนบางระมาด
กว่าจะถึงก็นั่งตากแดดบนรถหกล้อนานทีเดียว ทานขนมที่เตรียมมาเสียเลย


แล้วก็ลุย ใส่เสื้อชูชีพด้วย มีอาสาสมัครร่วมสิบคน
เดินเข้าไปลึกมาก น้ำมีทุกระดับ สูงสุดแค่คอ มีกลิ่นบ้าง
เมื่อถึงสะพานก็ต้องเอาของออก ยกเรือ มีแบบนี้ ๒ ครั้ง ช่วยกันแข็งขันดี


ภาระกิจของพวกเรานักเดินป่า อาสากู้ภัย คือ เอาอาหารสด ถุงยังชีพ และน้ำ ไปแจกชาวบ้านที่อยู่เข้าไปลึกๆ ความช่วยเหลือมักจะเข้าไปถึง
เวลาเจอหมา แมว ก็เอาอาหารให้พวกมันทาน
เมื่อแจกของคนแล้วก็จะถามถึงสัตว์เลี้ยงด้วย


เดินตั้งแต่เที่ยง ภาระกิจเสร็จประมาณห้าโมงเย็น แช่น้ำเน่าตลอด แจกของไม่ยั้ง หลายคนยกมือไหว้ หลายคนบอกว่าไม่เคยมีใครเข้ามาเลย เห็นแล้วน่าสงสารจริงๆ


รอบแรกแจกจนหมดของ เอาเรือมาเติมอีก จนได้ครบทุกบ้านตามที่มาสำรวจเอาไว้


อุปสรรคที่พบคือมักจะมีชาวบ้านต้นๆ ซอยขอของแจก พวกเราต้องใจแข็งเดินไปให้สุดซอยที่พวกเราเล็งไว้ ไม่เช่นนั้นจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์


ตอนเดินกลับมาขึ้นรถ เหนื่อยมาก พี่ๆ ในทีมนักเดินป่าเดินลากเรือเปล่าไวมาก หายใจแทบไม่ทัน เลยเดินจงกรมไปเลย ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ
คิดเล่นๆ ว่า หากเป็นลมลงไปจะน่าเกลียดขนาดไหนเนี่ย
แต่ก็ผ่านมาได้


ขนของที่เหลือไว้ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ แล้วก็ขึ้นรถหกล้อกลับ
เริ่มมืด ยุงเยอะมาก บินชนยังเจ็บเลย ได้แต่นึกถึงชาวบ้านที่น้ำท่วมเขาจะโดนยุงจำนวนมากนี้รบกวนขนาดไหนนะ? สู้ๆ นะครับพี่น้อง


ขากลับนั่งคุยกับตากล้องประจำทีม เธอเป็นชาวปราจีนบุรี เป็นนักเดินทาง เลยถามไถ่เรื่องจังหวัดของเธอ
เธอบอกว่าต้นโพธิ์ที่อำเภอศรีมหาโพธิ์นำมาจากอินเดีย และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดด้วย
เธอบอกอีกว่าเขาใหญ่จริงๆ แล้วพื้นที่เยอะที่สุดอยู่ในปราจีนบุรีรวมถึงทางขึ้น แต่จังหวัดนครนายก Promote เยอะกว่า
ดูแล้วเธอรักจังหวัดเธอจังนะ
เธอทำงานที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์
ชอบคำสุดท้าย "ในช่วงนี้อาสาสมัครมีเยอะขึ้นมาก เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน" ดีใจครับที่คนไทยไม่ทิ้งกัน


กลับถึงในเมือง รีบกลับห้อง อาบน้ำ หลับเป็นตาย
ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปอีก


รูปมีน้อย เอามาให้เห็นบรรยากาศครับ





ตอนเดินกลับมาขึ้นรถกลับห้อง โทรศัพท์โม้ลูกสาววัย ๑๑ ขวบว่าพ่อไปเป็นอาสาสมัครมา ลูกบอกว่าอยากไปบ้าง เลยนึกคำในตำราเลี้ยงลูกที่ว่า "การสอนที่ดีที่สุดคือ การทำให้ดู"


รักทีมนี้จัง นักเดินป่า สักวันจะพาลูกไปเดินป่าให้ได้


๑๓ พ.ย. ๕๔
อย่างนี้มันต้องถอน
หลังจากเมื่อยล้ามาเมื่อวาน วันนี้ตั้งใจจะไปอีกวัน พี่จุ่นคนที่นำทางมาติดธุระ วันนี้เลยฉายเดี่ยว


ตอนเช้าแม่โทร.มาถามว่า "น้ำเน่ามากเลยใช่ไหม?" ก็ตอบไปว่า "ครับ เน่ามาก" แม่คงงงหากรู้ว่าลงไปแช่น้ำเน่าตั้ง ๒ วัน คิดในใจว่า "ยังไม่คันครับแม่ สบายใจได้"


การเดินทางจากคอนโดใช้วิธีเดิม เติมน้ำใส่ขวดมาล้างเท้าที่บันไดรถไฟฟ้าใต้ดิน จะซื้อรองเท้าบู๊ธก็ไม่ไหวรู้สึกว่าแพง ตามด้วยแอลกอฮอร์ที่มีตั้งแต่ไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ ก็เอามาล้างขาอีกรอบ


เดินทางด้วยรถไฟฟ้า ลงจากสถานีก็ซื้อขนมปังตามประสาคนมังสวิรัติที่ทานไม่เหมือนคนอื่น ซื้อไข่ต้มตุนไว้ ๒ ฟองด้วย


เข้าไปในสำนักงาน คุณหวานบรรยายภาระกิจในวันนี้ เข้าไปเบิกเสื้อกับน้องกระแต ได้เสื้อสีชมพู สีสวยเชียว
เตรียมตัวมาดี ไม่พกอะไรไปให้เกะกะ พะวักพะวงเลย


มีพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าเมื่อวานทีมนักเดินป่าโรยตัวลงมาจากโทลเวย์เพื่อแจกของชาวบ้าน


ภาระกิจวันนี้ไปถนนโกสุมร่วมใจ เขตดอนเมือง ตรงกันข้ามร้านเจ๊เล้ง
ถ่ายรูปก่อนออกเดินทางกัน





ใช้ถนน Local Road ระดับน้ำจะต่ำกว่าถนนวิภาวดี ที่ตอนนี้กลายเป็นคลองไปแล้ว
รถหกล้อจอดที่ปากซอย ถนนโกสุมร่วมใจ เลยจัดการขนมปังที่เตรียมมา เห็นลุงและป้าคนขับรถซื้อขนมจีนมาทาน เลยถามว่าเขามีไข่ต้มให้ไหม? แกบอกว่าไม่มี งั้นผมมีให้ครับ ท่าทางจะเข้ากันได้ดีกับขนมจีน และผมก็อิ่มขนมปังแล้วด้วย ก็เลย win-win กันทั้งสองฝ่าย


ทีมตัดสินใจเอารถหกล้อลุยเข้าไปตามถนนเพื่อแจกในซอยข้างในสุด
ที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะน้ำที่นี่เน่ากว่าที่เมื่อวานครับ เกรงว่าจะคันกันถ้วนหน้า


ภาพน้ำทุ่วมของถนนสายนี้





แต่แล้วระดับน้ำสูงท่วมท่อไอเสีย เลยต้องกลับรถ ขากลับออกมารถทำท่าจะดับ เลยต้องช่วยกันเข็น เมื่อท่อไอเสียเริ่มพ้นน้ำก็พ่นควันสีขาวคละคลุ้งไปทั่วเลย คนเข็น ชาวบ้านแตกกระเจิง ใครบางคนเลยแซวว่าพ่นยาไล่ยุงกันด้วยทีมนี้ วันนี้มีภาพประกอบเพราะรู้จักตากล้องประจำทีมแล้ว








เลยต้องเอารถมาจอดที่น้ำน้อยแล้วก็ขนของลงเรือกัน





สุดท้ายก็ลุยน้ำเข้าไปแจกของอยู่ดี


รอบแรกผมไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะคนเยอะแล้ว เลยแจกข้าว กับข้าว และน้ำที่รถหกล้อให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา มีชาวบ้านอาสาพายเรือเข้าไปส่งข้าวให้ชาวบ้านในซอยด้วย ซอยแคบมากเท่าลำเรือ กว่าจะกลับเรือออกมาได้ เล่นเอาลุ้น


อุปสรรคเดิมๆ คือ ชาวบ้านที่อยู่ซอยต้นๆ ก็จะมาขอของแจก ซึ่งเราก็บอกไปตามหลักการว่าขอไปแจกข้างในก่อน แต่ชาวบ้านก็มาถามบ่อย จนคนคุมของลำบากใจเลยทีเดียว
แต่ก็ยังยึดมั่นในหลักการ


รอบสองเลยได้เข้าไปลุยน้ำกับเขาด้วย หลังจากรอมานานพอสมควร





ลุยเข้าไปถึงซอย ๙ ซอยลึกมากจริงๆ แจกกันทั่วถึง
ผู้ให้ถุงยังชีพบางที่ต้องการภาพหลักฐานการแจก เลยต้องถ่ายภาพให้เห็นชัดๆ เสียหน่อยว่าแจกจริง





เสร็จภาระกิจประมาณห้าโมงเย็น เดินทางกลับเข้าเมือง
มาขนน้ำและถุงยังชีพขึ้นรถต่อ กลับถึงบ้านเวลาใกล้เคียงกับเมื่อวานประมาณสองทุ่ม
วันนี้นั่งรถเมล์สาย ๘ กลับ ถามเขาว่าวิ่งทางเดิมไหม? กระเป๋าบอกว่าวิ่งทางเดิม เลยนั่งมาลงป้ายหน้าคอนโด ลุยน้ำนิดหน่อย


โทร.บอกลูกๆ ให้อนุโมทนาบุญ

อาบน้ำแล้วรีบเข้านอน


ขอบคุณพี่จุ่นนะครับที่ชักนำและแนะนำวิธีการลุยที่ปลอดภัย
ขอบคุณคุณบิว ที่ทำให้มีรูปสวยๆ ประกอบบันทึก
ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ชาวนักเดินป่าทุกคนที่ทำทุกอย่างแบบได้ใจ
ชื่นชมจิตอาสาทุกคนนะครับ เชื่อแล้วครับว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน

บุญกุศลที่ทำในสองวันนี้ขอให้ส่งถึงชาวไทยทุกคน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัย กลับมาเป็นปกติสุขไวๆ นะครับ

มีความสุขทุกคนครับ

วันเสาร์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

Unforgiven

หัวใจจอมโจร



กำกับ : Clint Eastwood
นำแสดง : Clint Eastwood, Gene Hackmam, Morgan Freeman
ความยาว : 131 นาที
ระดับความชอบ : 8.5/10

น้องหมอโจให้แผ่นนี้มายืมนานแล้ว
ได้ดูตอนน้ำท่วมเพราะอารมณ์ตอนนั้นเหมือนชื่อหนัง แม้จะรู้ว่าการให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเมื่อต้องเดินลุยน้ำเน่า น่าจะตั้งใจจัดการให้ดีกว่านี้ นี่แค่เรื่องแรกที่เราสามารถเห็นผลทางกายภาพได้ แล้วเรื่องระดับประเทศอื่นๆ ที่เรามองผลทางกายภาพไม่ได้ จะจัดการได้ไหมนะ?

เปิดตัวหนังออกมาก็มีคำถามมาเลยว่า ทำไมสาวน้อยแสนดีจึงเลือกมหาโจร ขี้เหล้า สารเลว มาเป็นสามี
แล้วก็ตัดไปสู่ฉากรุนแรง ลูกค้ากรีดหน้าโสเภณีที่หัวเราะขนาดของฝ่ายชายที่เล็กเหลือเกิน ก็มันหยามกันมากไป ทนไม่ได้
แต่ท่านนายอำเภอกลับตัดสินแค่ให้ชดใช้เป็นม้า 5 ตัว เหล่าโสเภณีจึงรวมเงินกันประกาศจ้างฆ่าสองหนุ่มที่กระทำการในครั้งนั้น

เหล่ามือปืนทั้งหลายสนใจและเดินทางเข้ามาในเมืองนี้แต่จะโดนนายอำเภอจัดการเสียจนต้องออกจากเมืองไปอย่างสะบักสะบอม

ทีมของพระเอกมี 3 คน ประกอบด้วยเด็กหนุ่ม พระเอก และ เพื่อนพระเอก เจ้าหนุ่มต้องการจะชวนเฉพาะพระเอก แต่สุดท้ายก็ต้องยอม

การต่อสู้ในเรื่องก็สนุกดีตามสไตล์คาวบอย
แต่ผมชอบในเรื่องปมของแต่ละคนมากกว่า
เพื่อนพระเอกที่แสดงโดย Morgan Freeman ตอนแรกก็ดูใจถึงดี กลับกลยเป็นคนไม่กล้า งงเหมือนกัน
หนุ่มน้อยมือปืน ที่บอกในตอนแรกว่าเคยยิงคนมาแล้ว 5 คน แต่หลังจากยิงคนเสร็จก็สั่นและมาเฉลยว่าเพิ่งยิงคนเป็นครั้งแรก
ส่วนพระเอกแรกๆ ยังไม่เผยความโหด จนเพื่อนโดนทารุณจนตาย เขาเลยต้องออกลาย

ที่น่าประทับใจของพระเอกคือเขาซื่อสัตย์ต่อภรรยามาก นี่คงเหตุผลหนึ่งที่สาวน้อยแสนดีเลือกมหาโจรเป็นสามี
อีกอย่างที่มองเห็นคือรักพวกพ้อง เมื่อทำกันขนาดนี้ It's unforgiven ซึ่งเป็นที่มาของชื่อหนัง

สุดท้ายจบแบบ Happy Ending และก็ทิ้งท้ายให้คนดูคิดว่าทำไมสาวน้อไแสนด์จึงเลือกมหาโจร ซึ่งคงได้คำตอบกันแล้ว

โดยรวมหนังสนุก น่าติดตาม สมแล้วที่น้องหมอโจจะบอกว่าเป็นหนังของปู่คลิ้นส์ที่เขาชอบที่สุด หลายคนน่าจะเป็นสาวกปู่ฯ เนื่องมาจากหนังเรื่องนี้

Post ใน Facebook หลังดูจบไปว่า "แม้ไม่ใช่แฟนปู่ฯ แต่ก็รู้ว่าอภัยให้มิได้"
แต่ถึงวันนี้ที่น้ำลดแล้วก็เฉยๆ ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป รวมทั้งความโกรธ

ก็ได้แต่ภาวนาว่าให้พวกเขาคิดได้ ทำอะไรดีๆ ให้กับแผ่นดินนี้บ้าง
เขาได้โอกาสในการทำดีกับแผ่นดินนี้ในภาพกว้างเพราะกระทบกับคนหลายคน หากทำจากเจตนาไม่ดี ผลกระทบก็จะเกิดกับคนหลายคน
ไม่บุญมากก็บาปหนักแหละครับ

เมื่อชีวิตสิ้นไป ท่านยมบาลจะบอกท่านเองว่า Unforgiven หรือไม่?
ขอให้โชคดี

ขอให้คนไทยสู้ๆ นะครับ ยึดในหลักธรรมกันไว้ ผ่านมาผ่านไป หาจุดเรียนรู้ แก้ไขป้องกัน
น้ำท่วมบ้าน อย่าให้มาท่วมใจ ใจนิ่งๆ ว่างๆ ค่อยๆ แก้ไขกันไป ไม่ยึดติด เราจะสอบผ่านและจะไม่ต้องเจออีก

มีความสุขทุกคนครับ