วันอาทิตย์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔

น้ำท่วมไปไหน? ฉันไปเป็นอาสาสมัคร

๑๒ พ.ย. ๕๔
ปล่อยให้ทหารไทยใจหล่อมากมานาน วิศวกรไทยใจก็หล่อเหมือนกัน


ได้ยินพี่ที่ทำงานพูดถึงเรื่องไปเป็นอาสาสมัครของกลุ่มนักเดินป่าในวันเสาร์อาทิตย์ เลยสนใจเพราะต้องเข้ากรุงเทพฯ มาเอายาให้ลูกอยู่แล้ว


เมื่อธุระเรื่องลูกเสร็จไว ก็เลยโทร.บอกพี่เขาว่าไปด้วย


สิ่งที่ต้องซื้อคือรองเท้าเพื่อลุยน้ำ ตอนแรกจะซื้อรองเท้ายางแต่ร้านแถวสะพานควายไม่มีขาย เลยได้รองเท้าผ้าใบมาแทน ส่วนถุงเท้าเล่นบอลพี่เขาซื้อเตรียมไว้ให้แล้ว
ถุงเท้าและรองเท้าป้องกันไม่ให้เดินไปเตะอะไรแล้วได้รับบาดเจ็บ


แล้วก็ไปรวมพลที่คอนโดในซอย ๙ พหลโยธิน
ซื้อขนมปังไปเป็นอาหารมื้อเที่ยงเพราะเราทานมังสวิรัติ ไม่เหมือนใคร


วันนี้วันเสาร์ไปที่แถวชมรมปักษ์ใต้ หมู่บ้านมหาดไทย ๒ บนถนนบางระมาด
กว่าจะถึงก็นั่งตากแดดบนรถหกล้อนานทีเดียว ทานขนมที่เตรียมมาเสียเลย


แล้วก็ลุย ใส่เสื้อชูชีพด้วย มีอาสาสมัครร่วมสิบคน
เดินเข้าไปลึกมาก น้ำมีทุกระดับ สูงสุดแค่คอ มีกลิ่นบ้าง
เมื่อถึงสะพานก็ต้องเอาของออก ยกเรือ มีแบบนี้ ๒ ครั้ง ช่วยกันแข็งขันดี


ภาระกิจของพวกเรานักเดินป่า อาสากู้ภัย คือ เอาอาหารสด ถุงยังชีพ และน้ำ ไปแจกชาวบ้านที่อยู่เข้าไปลึกๆ ความช่วยเหลือมักจะเข้าไปถึง
เวลาเจอหมา แมว ก็เอาอาหารให้พวกมันทาน
เมื่อแจกของคนแล้วก็จะถามถึงสัตว์เลี้ยงด้วย


เดินตั้งแต่เที่ยง ภาระกิจเสร็จประมาณห้าโมงเย็น แช่น้ำเน่าตลอด แจกของไม่ยั้ง หลายคนยกมือไหว้ หลายคนบอกว่าไม่เคยมีใครเข้ามาเลย เห็นแล้วน่าสงสารจริงๆ


รอบแรกแจกจนหมดของ เอาเรือมาเติมอีก จนได้ครบทุกบ้านตามที่มาสำรวจเอาไว้


อุปสรรคที่พบคือมักจะมีชาวบ้านต้นๆ ซอยขอของแจก พวกเราต้องใจแข็งเดินไปให้สุดซอยที่พวกเราเล็งไว้ ไม่เช่นนั้นจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์


ตอนเดินกลับมาขึ้นรถ เหนื่อยมาก พี่ๆ ในทีมนักเดินป่าเดินลากเรือเปล่าไวมาก หายใจแทบไม่ทัน เลยเดินจงกรมไปเลย ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ
คิดเล่นๆ ว่า หากเป็นลมลงไปจะน่าเกลียดขนาดไหนเนี่ย
แต่ก็ผ่านมาได้


ขนของที่เหลือไว้ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ แล้วก็ขึ้นรถหกล้อกลับ
เริ่มมืด ยุงเยอะมาก บินชนยังเจ็บเลย ได้แต่นึกถึงชาวบ้านที่น้ำท่วมเขาจะโดนยุงจำนวนมากนี้รบกวนขนาดไหนนะ? สู้ๆ นะครับพี่น้อง


ขากลับนั่งคุยกับตากล้องประจำทีม เธอเป็นชาวปราจีนบุรี เป็นนักเดินทาง เลยถามไถ่เรื่องจังหวัดของเธอ
เธอบอกว่าต้นโพธิ์ที่อำเภอศรีมหาโพธิ์นำมาจากอินเดีย และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดด้วย
เธอบอกอีกว่าเขาใหญ่จริงๆ แล้วพื้นที่เยอะที่สุดอยู่ในปราจีนบุรีรวมถึงทางขึ้น แต่จังหวัดนครนายก Promote เยอะกว่า
ดูแล้วเธอรักจังหวัดเธอจังนะ
เธอทำงานที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์
ชอบคำสุดท้าย "ในช่วงนี้อาสาสมัครมีเยอะขึ้นมาก เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน" ดีใจครับที่คนไทยไม่ทิ้งกัน


กลับถึงในเมือง รีบกลับห้อง อาบน้ำ หลับเป็นตาย
ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปอีก


รูปมีน้อย เอามาให้เห็นบรรยากาศครับ





ตอนเดินกลับมาขึ้นรถกลับห้อง โทรศัพท์โม้ลูกสาววัย ๑๑ ขวบว่าพ่อไปเป็นอาสาสมัครมา ลูกบอกว่าอยากไปบ้าง เลยนึกคำในตำราเลี้ยงลูกที่ว่า "การสอนที่ดีที่สุดคือ การทำให้ดู"


รักทีมนี้จัง นักเดินป่า สักวันจะพาลูกไปเดินป่าให้ได้


๑๓ พ.ย. ๕๔
อย่างนี้มันต้องถอน
หลังจากเมื่อยล้ามาเมื่อวาน วันนี้ตั้งใจจะไปอีกวัน พี่จุ่นคนที่นำทางมาติดธุระ วันนี้เลยฉายเดี่ยว


ตอนเช้าแม่โทร.มาถามว่า "น้ำเน่ามากเลยใช่ไหม?" ก็ตอบไปว่า "ครับ เน่ามาก" แม่คงงงหากรู้ว่าลงไปแช่น้ำเน่าตั้ง ๒ วัน คิดในใจว่า "ยังไม่คันครับแม่ สบายใจได้"


การเดินทางจากคอนโดใช้วิธีเดิม เติมน้ำใส่ขวดมาล้างเท้าที่บันไดรถไฟฟ้าใต้ดิน จะซื้อรองเท้าบู๊ธก็ไม่ไหวรู้สึกว่าแพง ตามด้วยแอลกอฮอร์ที่มีตั้งแต่ไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ ก็เอามาล้างขาอีกรอบ


เดินทางด้วยรถไฟฟ้า ลงจากสถานีก็ซื้อขนมปังตามประสาคนมังสวิรัติที่ทานไม่เหมือนคนอื่น ซื้อไข่ต้มตุนไว้ ๒ ฟองด้วย


เข้าไปในสำนักงาน คุณหวานบรรยายภาระกิจในวันนี้ เข้าไปเบิกเสื้อกับน้องกระแต ได้เสื้อสีชมพู สีสวยเชียว
เตรียมตัวมาดี ไม่พกอะไรไปให้เกะกะ พะวักพะวงเลย


มีพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าเมื่อวานทีมนักเดินป่าโรยตัวลงมาจากโทลเวย์เพื่อแจกของชาวบ้าน


ภาระกิจวันนี้ไปถนนโกสุมร่วมใจ เขตดอนเมือง ตรงกันข้ามร้านเจ๊เล้ง
ถ่ายรูปก่อนออกเดินทางกัน





ใช้ถนน Local Road ระดับน้ำจะต่ำกว่าถนนวิภาวดี ที่ตอนนี้กลายเป็นคลองไปแล้ว
รถหกล้อจอดที่ปากซอย ถนนโกสุมร่วมใจ เลยจัดการขนมปังที่เตรียมมา เห็นลุงและป้าคนขับรถซื้อขนมจีนมาทาน เลยถามว่าเขามีไข่ต้มให้ไหม? แกบอกว่าไม่มี งั้นผมมีให้ครับ ท่าทางจะเข้ากันได้ดีกับขนมจีน และผมก็อิ่มขนมปังแล้วด้วย ก็เลย win-win กันทั้งสองฝ่าย


ทีมตัดสินใจเอารถหกล้อลุยเข้าไปตามถนนเพื่อแจกในซอยข้างในสุด
ที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะน้ำที่นี่เน่ากว่าที่เมื่อวานครับ เกรงว่าจะคันกันถ้วนหน้า


ภาพน้ำทุ่วมของถนนสายนี้





แต่แล้วระดับน้ำสูงท่วมท่อไอเสีย เลยต้องกลับรถ ขากลับออกมารถทำท่าจะดับ เลยต้องช่วยกันเข็น เมื่อท่อไอเสียเริ่มพ้นน้ำก็พ่นควันสีขาวคละคลุ้งไปทั่วเลย คนเข็น ชาวบ้านแตกกระเจิง ใครบางคนเลยแซวว่าพ่นยาไล่ยุงกันด้วยทีมนี้ วันนี้มีภาพประกอบเพราะรู้จักตากล้องประจำทีมแล้ว








เลยต้องเอารถมาจอดที่น้ำน้อยแล้วก็ขนของลงเรือกัน





สุดท้ายก็ลุยน้ำเข้าไปแจกของอยู่ดี


รอบแรกผมไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะคนเยอะแล้ว เลยแจกข้าว กับข้าว และน้ำที่รถหกล้อให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา มีชาวบ้านอาสาพายเรือเข้าไปส่งข้าวให้ชาวบ้านในซอยด้วย ซอยแคบมากเท่าลำเรือ กว่าจะกลับเรือออกมาได้ เล่นเอาลุ้น


อุปสรรคเดิมๆ คือ ชาวบ้านที่อยู่ซอยต้นๆ ก็จะมาขอของแจก ซึ่งเราก็บอกไปตามหลักการว่าขอไปแจกข้างในก่อน แต่ชาวบ้านก็มาถามบ่อย จนคนคุมของลำบากใจเลยทีเดียว
แต่ก็ยังยึดมั่นในหลักการ


รอบสองเลยได้เข้าไปลุยน้ำกับเขาด้วย หลังจากรอมานานพอสมควร





ลุยเข้าไปถึงซอย ๙ ซอยลึกมากจริงๆ แจกกันทั่วถึง
ผู้ให้ถุงยังชีพบางที่ต้องการภาพหลักฐานการแจก เลยต้องถ่ายภาพให้เห็นชัดๆ เสียหน่อยว่าแจกจริง





เสร็จภาระกิจประมาณห้าโมงเย็น เดินทางกลับเข้าเมือง
มาขนน้ำและถุงยังชีพขึ้นรถต่อ กลับถึงบ้านเวลาใกล้เคียงกับเมื่อวานประมาณสองทุ่ม
วันนี้นั่งรถเมล์สาย ๘ กลับ ถามเขาว่าวิ่งทางเดิมไหม? กระเป๋าบอกว่าวิ่งทางเดิม เลยนั่งมาลงป้ายหน้าคอนโด ลุยน้ำนิดหน่อย


โทร.บอกลูกๆ ให้อนุโมทนาบุญ

อาบน้ำแล้วรีบเข้านอน


ขอบคุณพี่จุ่นนะครับที่ชักนำและแนะนำวิธีการลุยที่ปลอดภัย
ขอบคุณคุณบิว ที่ทำให้มีรูปสวยๆ ประกอบบันทึก
ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ชาวนักเดินป่าทุกคนที่ทำทุกอย่างแบบได้ใจ
ชื่นชมจิตอาสาทุกคนนะครับ เชื่อแล้วครับว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน

บุญกุศลที่ทำในสองวันนี้ขอให้ส่งถึงชาวไทยทุกคน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัย กลับมาเป็นปกติสุขไวๆ นะครับ

มีความสุขทุกคนครับ

ไม่มีความคิดเห็น: