วันอังคารที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

Best Books of May in amazon.com



Welcome to our Best of the Month page, where, in addition to our regular Significant Seven picks (our favorite books of the month, which we offer all month long at 40% off), you can find seven more picks on the side (since we always have more books we want to share), our favorite new paperbacks, and up-to-date lists of the topselling and most discussed books of the month.

วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

โครงการ Lend It Forward

กฎ กติกา มารยาท ของโครงการนี้ครับ

มีหนังมาให้ยืมครับ

VCD
Bridget Jones's Diary
Legally Blonde
Moulin Rouge
The Princess Diaries

DVD
Batteries not included : ซื้อมาเพราะมีชื่อ Steven Spielberg ดูแล้วก็ไม่ผิดหวัง หนังเก่าหน่อย ปี 1987
Borat : เรื่องนี้ชอบมาก อ่านเอาใน Blog นะ
Eight Below : สุนัขอะไร ทนทายาท
Evelyn : จำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว
Gladiator : หนังดี แต่ไม่ค่อยถูกใจ
Goal : No comment อ่านเอาใน Blog นะ
Godsend : ยังไม่ได้ดู แผ่นนี้เขาแถมมา
Just married : หนังเคยขึ้นอันดับหนึ่ง Box office 1 สัปดาห์ สนุกดี
Little Manhattan : แฟนฉันฉบับภาษาอังกฤษ อ่านใน Blog ได้จ้า
man of the year : เรื่องนี้อ่านใน Blog ได้จ้า
Moonlight Mile : ไม่ค่อยชอบเลยเรื่องนี้ แต่หนังดีนะ
My Sassy Girl : หนังเกาหลีที่ดูสนุกดี
The girl next door : เซ็กซี่หน่อยๆ นะเรื่องนี้ Uncut version ด้วยแหละ
The last king of Scotland : ดารานำยอดเยี่ยมทุกสถาบันครับ
The Myth : หนังเฉินหลงครับ
The Queen : ดารานำหญิงยอดเยี่ยมทุกสถาบัน
Troy : น้ำผึ้งหยดเดียวครับ
Victory : หนังดีๆ ของคนรักฟุตบอล
XXX : หนังมันส์ ที่เราไม่ชอบแนวนี้ ซื้อมาได้ไง
2046 : หนังดีที่ดูไม่รู้เรื่อง หาพี่เบิร์ดไม่เจออีกต่างหาก
21 Grams : สุดยอดครับหนังเรื่องนี้
300 : No comment
7 Swords : หนังจีนที่ไม่ชอบเอาเสียเลย
มอ ๘ : พอดูได้
นางฟ้าล่าทะลุเมือง : ยังไม่ได้ดู เขาแถมมา

หากสนใจแจ้งมานะครับ

ต่อไปนี้เป็นเรื่องหนังสือ
คุณ 9A ฝากหนังสือมาเข้าร่วมโครงการจำนวน ๓ เล่ม ดังนี้
๑. โลกใบใหม่ของลาวอร์น วรรณกรรมในดวงใจวัยรุ่นสหรัฐอเมริกา
๒. Q&A เกมชีวิตพิชิต 1,000 ล้าน หนังสือที่ได้รับการแปลกว่า ๒๕ ภาษา เห็นบอกว่าจะทำหนัง น่าจะเรื่อง Quizshow หรือเปล่า ไม่แน่ใจ
๓. Turning Thirty ปีนี้ไม่อยากโสด

คุณดี มัชชาร ฝากหนังสือมาเข้าร่วมโครงการจำนวน ๖ เล่ม ดังนี้
๑. อยากดัง มาฟังพี่ ของ บิลลี่ โอแกน
๒. The show must go on ของ ออดี้ ธนะยศ
๓. สวยกล้าท้าคมมีด กรีดเกล็ดดาว ของ ดาว มยุรี
๔. พ่อ...ขอโทษ ของ พลรัตน์ รอดรักษา
๕. ตรงเส้นขอบฟ้า ของ ชุติพันธุ์ ฉายประกายแก้ว (หมอพรทิพย์ เขียนคำนิยมด้วย เล่มนี้)
๖. ตำรวจปริญญาเอก ของ พล.ต.ท.อัมรินทร์ เนียมสกุล

ส่วนของผม ลองดูรายชื่อหนังสือนะครับ

หากเลือกเล่มไหน หลังไมค์ มาบอกชื่อและที่อยู่ที่จะให้ส่งให้ด้วยนะครับ

รายชื่อหนังสือ ที่อยากให้ยืม
๑. ในลึก ของ จำลอง ฝั่งชลจิตร
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ยังไม่ได้อ่าน ซื้อมาเมื่อวันแม่ ปี ๔๓ เห็นคุณยาคูลท์อยากอ่าน เลยเอามาให้ยืมก่อน
ตอนนี้จะอ่านขนำน้อยกลางทุ่งนาไปก่อน ค่อยอ่านเล่มนี้
Link ที่เกี่ยวข้อง : จำลอง ฝั่งชลจิตร นักเขียน(เรื่องสั้น)ในดวงใจ

๒. สาระขัน รวมเรื่องสั้นของ จำลอง ฝั่งชลจิตร
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ใหม่เอี่ยม เล่มนี้ซื้อมาซ้ำ เลยเอามาให้ยืม อ่านนานแล้ว สนุกมาก

๓. ไข่มุกมฤตยู (The Black Pearl) มีรายละเอียด คลิกที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก ซื้องานมหกรรมหนังสือ

๔. หยุดความเลว...ที่..ไล่ล่าคุณ ลองอ่านที่คุณ rsamlha รีวิวครับ
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ : คุณ I am just fine^^
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก ซื้อที่วัดสวนแก้ว อยากให้อ่าน ระวังน้ำตาซึม

๕. นักอยากเขียน : ศุ บุญเลี้ยง มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ : คุณแมวพุ้ย
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ๑๐๐%

๖. Tuesdays with Morrie ฉบับแปล มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คุณสาวไกด์ใจซื่อเขียนถึงไว้ด้วย ลองอ่านดูครับ
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ๑๐๐% มี Marker สีเหลืองทั่วเล่ม

๗. จากใต้สู่อีสาน ผลึกแห่งชีวิต พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก มี Mark ใจความสำคัญ

๘. ดูหนังหาความหมาย : นายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก

๙. สามก๊กฉบับคนกันเอง : เอื้อ อัญชลี มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก

๑๐. สิ่งที่ชีวิตต้องการ : ศรีบูรพา มีรายละอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ๗๐%

๑๑. นั่งคุยกับความตาย : เชิด ทรงศรี มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก

๑๒. บันทึกสึนามิ "เราจะพาเขากลับบ้าน" : แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ๑๐๐%

๑๓. เจ้าหงิญ : บินหลา สันการาคีรี มีรายละเอียด คลิกที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ :ไม่มีปกพลาสติก

๑๔. เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful) : โมริ เอโตะ แปลโดย วิยะดา คาวางุจิ มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คุณอั๊งอังอาเขียนถึงไว้ด้วย ลองอ่านดูครับ
คุณสาวไกด์ใจซื่อเขียนถึงไว้ด้วย ลองอ่านดูครับ
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ : น้องที่ทำงาน (พ๊อพ)
คิวต่อไป : ลูกสาวโมโจโจโจ้
สภาพหนังสือ : ๑๐๐% มีคนให้ยืม ผมชอบ เขาเลยยกให้ เป็นหนังสือในดวงใจหลายๆ คนเลยครับ

๑๕. REVVED ล้มได้ก็ลุกได้ มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก

๑๖. ความทรงจำ...ระหว่าง...รัก (หนังสือทำมือ) มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก

๑๗. สมควรแก่เวลา มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ปกยับนิดหน่อย

๑๘. บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ มีรายละเอียด คลิกที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก

๑๙. แมงกะพรุนถนัดซ้าย : ประภาส ชลศรานนท์ มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ๑๐๐%

๒๐. กล่องไปรษณีย์สีแดง : อภิชาติ เพชรลีลา มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
นู๋ยูรินเขียนถึงไว้ ลองอ่านดูนะครับ
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ๑๐๐%

๒๑. แมงมุมมอง : พรชัย แสนยะมูล "กุดจี่" มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก

๒๒. ช่วยหน่อยเปลี่ยนไต : อาริยา โมราษฎร์ มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ไม่มีปกพลาสติก

๒๓. หลังอาน : บินหลา สันกาลาคีรี มีรายละเอียด คลิ๊กที่นี่
คิวอ่าน :
หนังสืออยู่ที่ :
คิวต่อไป :
สภาพหนังสือ : ๑๐๐%


ขอบคุณโครงการดีๆ ของคุณยาคูลท์
โดยส่วนตัวชอบหนังเรื่อง Pay it Forward มาก แม้จะจบทำร้ายจิตใจคนดูไปหน่อย

เพื่อนๆ ที่เข้าร่วมโครงการ คุณยาคูลท์, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณ I am just fine^^, คุณแพนด้ามหาภัย, คุณ Grappa, คุณ the grinning cheshire cat, คุณลวิตร์, คุณนางกอแบกเป้, คุณ keyzer, คุณ Marvellous Boy, คุณ ~:พุดน้ำบุศย์:~, คุณ nibble, คุณ Mutation, คุณ unwell, คุณแมวพุ้ย, คุณทะเลกับความมืด, คุณกระปุกกลิ้ง, คุณสายลมอิสระ, คุณ The White Rider, คุณ piccy, คุณผู้สาวเมืองยศ, คุณเมฆชรา, คุณแฮมสเตอร์, คุณแม่มดพันปี, คุณอั๊งอังอา, คุณ PingGz , คุณ nootkha, คุณ MagicApple

ขอบันทึกหนังสือที่ยืมคนอื่นมา
ไตรภาคของ 'ปราย พันแสง ยืมจากคุณแมวพุ้ย (คืนไปสองเล่มแล้ว)
ย่า ยืมจากคุณอั๊งอังอา ส่งหนัง Little Miss Sunshine ไปเป็นตัวประกัน
ผ้าปูโต๊ะกับลมหมอ ยืมจากคุณแพนด้ามหาภัย
โลกใบเล็กของเด็กเก้าขวบ และ นายเม่น ยืมจากคุณ PinGz
เสน่หาคาเฟ่ ยืมจากคุณ MagicApple
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ยืมจากคุณ Keyzer ออกปากยืม กะลาภิวัฒน์ ไปอีกเล่มแล้ว เล่มเก่ายังไม่จบเลย

รักหล่นบนไซเบอร์, นางสาวใบไม้กับนายก้อนหิน, ทางเดินแห่งรัก, สะดุดรักนักข่าว ยืมจากครูกี้ วลีวิไล (คนนี้นอกโครงการ)
ครูกี้ เขียนแนะนำหนังสือเธอไว้อย่างนี้
"หนังสือของครู เรื่องแรกที่ตีพิมพ์คือ "สะดุดรักนักข่าว"
ซึ่งตอนนี้ขาดตลาดอย่างไม่อาจจะบอกได้ว่าจะพิมพ์ใหม่เมื่อไร เพราะพิมพืมาหลายรอบแล้ว แนวโรแมนติกคอมมิดี้กึ่งสืบสวน เล่มนี้นำเสนอเป็นพิเศษ ถ้าคุณคนขับช้าสนใจ ครูกี้จะส่งไปให้ครับ ขอที่อยู่ทางหลังไมค์ด้วยจ้า

เรื่องต่อมาที่เป็นภาคต่อจากสะดุดรักฯ มีตัวละครต่อกัน คือ ทางเดินแห่งรัก เล่มนี้มีขายอยู่ฮับ เป็นเรื่องโรแมนติกคอมมิดี้ท่ามกลางการแข่งขันทางธุรกิจ

ต่อจากนั้นจึงจะเป็นรักหล่นบนไซเบอร์ มีตัวละครเกี่ยวข้องกันกับสองเล่มแรกแต่เนื้อหาไม่เกี่ยวกันเลย เป็นเล่มที่เน้นขำๆ ฮาๆ มีสองเรื่องในหนึ่งเล่ม และเป็นสองเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน ส่วนจะเกี่ยวกันอย่างไรต้องอ่านจนจบถึงจะเฉลยฮับ

นางสาวใบไม้กับนายก้อนหินเป็นเรื่องขำๆ ของวัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นขวัญใจของผู้อ่านจำนวนมาก เกี่ยวกับการออกค่ายอาสาฮับ

ตามด้วย ไอดินกลิ่นรัก เรื่องนี้พระเอกกับนางเอก มาจากนางสาวใบไม้ฯ และรักหล่นฯ คือถ้าอ่านแล้วจะร้อง อ๋อ สองคนนี้เอง เรื่องออกแนวสาระนิดหน่อย เกี่ยวกับการพัฒนาท้องถิ่น

เรื่องก่อนล่าสุด Cool Case คดีร้ายคลายปมรัก ตัวละครมาจากรักหล่นฯ เป็นโรแมนติกคอมมิดี้กึ่งสืบสวน พลิกไปพลิกมาตรงที่ต้องเดาว่าใครคือคนร้ายตัวจริง

เล่มล่าสุด รักเธอ Super Model เป้นนิยายเขียนร่วมกับพี่ สิรินดา เขียนสลับกันคนละบท เป็นเล่มที่ต่างไปจากที่เคยเขียนอย่างแรง ใครชอบจะชอบอย่างมากมาย แต่คนที่ไม่ชอบก็จะไม่ช้อบไม่ชอบครับ แปลกมากๆ เลย แต่ก็เป็นอีกประสบการณ์ที่น่าจดจำครับ

สำหรับเรื่องที่กำลังจะออกคือบัลลังก์ดาว จะวางแผงในงานมหกรรมหนังสือปลายเดือนตุลาคมครับ"

วันพุธที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

Movies of decade

This is my first blog in English.

TIME magazine said about movie of decade that are
Gone With the Wind in the '30s, I buy this movie already. I will see soon.
The Best Years of Our Lives in the '40s,
Ben-Hur in the '50s, this movie my father ever saw then I buy DVD for him. I'm not see yet.
The Sound of Music in the '60s,

Titanic in the '90s, already see it. Grate!
Lord of the Rings in this decade. Not yet see but there are in my home.

Note in this blog and try to see these movies. Did you see some?

วันอังคารที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

คาเฟ่เสน่หา : Selected Articles ของ 'ปราย พันแสง


ผู้เขียน : 'ปราย พันแสง
สำนักพิมพ์ : ฟรีฟอร์ม
พิมพ์ครั้งที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๑
จำนวนหน้า : ๒๐๐ หน้า
ราคา : ๑๙๘ บาท
ระดับความชอบ : ๘.๕/๑๐
เจ้าของหนังสือ : คุณ MagicApple

เว้นวรรคจากงานเขียนของ 'ปราย พันแสง มาซักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็แวะเวียนไปที่ Blog ของเธอบ่อยๆ

กัลยาณมิตรทางการอ่านส่งเล่มนี้มาให้ สัมผัสแรกที่รู้สึกคือ หนังสือเล่มนี้น้ำหนักเบาดีจัง
เห็นชื่อเล่มนี้นึกถึงเล่ม เสน่หาห้าแต้ม ของ ดำรงค์ อารีย์กุล ขึ้นมา เคยอ่านกันไหม เป็นเรื่องสั้นของหนุ่มที่มีไพ่ในมือแค่ห้าแต้ม แต่จะสู้น่ะ พอนึกเนื้อเรื่องออกไหม สนุกดีครับเล่มนี้ เก่าหน่อย อ่านมานานแล้ว

เล่มคาเฟ่เสน่หานี้เป็นการรวมบทความ (Selectd Articles) จากมติชนสุดสัปดาห์ และจาก Blog ของเธอ

เพื่อนผมเคยบอกว่า บทความของคุณ'ปราย เป็นแนวประโลมโลก อ่านเล่มนี้ก็จะเห็นด้วย เป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เสียส่วนใหญ่

The Reader หนังสือที่ผู้เขียนชื่นชอบ มีปรากฏอยู่ในหลายบทความในเล่มนี้
เทียบเคียงกับของไทยต้องเรื่องสั้นชื่อ ผู้หญิงในห้องเลขที่ ๑๓ ของ 'รงค์ วงศ์สวรรค์ เรื่องนี้อยู่ในเล่มรวมเรื่องสั้น หอมดอกประดวน สองเรื่องนี้เป็นแนวผู้หญิงที่ผ่านโลกมามากคอยดูแลเด็กหนุ่มไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง
นอกจากนั้นมีหนังสือหลายเล่มที่กล่าวถึงในเล่มนี้ ที่น่าสนใจหามาอ่านต่อ คือ สนิมสร้อย ('รงค์ วงษ์สวรรค์) และ เรื่องรักสองสี (สุชา)

หนังที่กล่าวถึงในเรื่องนี้ เด่นๆ คือ A Beautiful Mind ที่คุณ'ปรายให้ข้อมูลละเอียดเลย เหมือนที่ผมเคยตีความไว้ว่า ภรรยาของจอห์น แนช ที่ชื่อ อลิเซีย นี่แหละที่มีใจงดงาม ่บทความนี้ก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอลิเซียเพิ่มเติมอย่างน่าสนใจ บอกลักษณะอันงดงามของเธอ แถมบอกด้านมืด ที่หนังไม่ได้แสดงออกมาอีกด้วย
ทำให้ทราบว่า จอห์น แนช ยังมีชีวิตอยู่ด้วยวัย ๗๒ ปี และหายจากโรคทางจิตแล้ว
บทความนี้ยาวครับ ลงในมติชนสุดสัปดาห์ ๓ ตอนเลย

หนังเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเพื่อหามาดู คือ Samsara (งานพุทธอีโรติก)

บทความที่ชอบมากที่สุดในเล่มคือ อันเนื่องมาจากหมาป่าตัวล่าสุด บทความนี้ประโลมโลกน้อยที่สุดในเล่ม ยกเอาเรื่องหมาป่าที่เอามาเป็นสัญลักษณ์ของสัตว์อันตรายแต่สุดท้ายก็ฝึกจนเชื่อง และมีมิตรภาพกับมนุษย์ได้ หมาป่าเด่นๆ ก็คือในหนัง Dances with Wolves ที่คาดว่าจะเอามาดูในเร็ววัน หรือในหนังสือ เจ้าชายน้อย ก็มีหมาป่าและคำว่าเชื่องอยู่เหมือนกัน

บทความเรื่องสุดท้าย เรื่องการรอ ที่ให้มุมมองน่าสนใจ เธอบอกว่าอย่ารอใครเกิน ๓๐ นาที ในทางกลับกัน อย่าทำให้ใครรอเกิน ๓๐ นาทีเช่นกัน เพราะเวลาและศักดิ์ศรีของทุกคนมีค่าเท่ากัน วันก่อนอ่านบทความเจอว่า พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง ชอบไปสนามบินก่อนเวลา เพราะได้ทำอะไรหลายอย่าง บางครั้งก็พบคนที่ไม่เคยได้เจอ ครั้งหนึ่งพี่จุ้ยก็พบอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์
ที่อยู่เชียงใหม่ด้วยกัน แต่ไม่เจอกันเลย ก็คงเป็นตัวอย่างดีๆ ของการไปก่อนเวลานะครับ สำหรับผมหนังสือซักเล่ม Pocket PC ก็เพียงพอสำหรับการรอคอย แต่ต้องไม่เกินเวลานัด ๓๐ นาทีนะครับ ฝึกกันไว้นะครับ จะได้มีนัดคนไทยแบบใหม่เสียที

อีกบทความที่น่าสนใจคือ กฎแห่งความสุข ๔ ข้อ ของ อัลแบร์ กามูร์ ที่น่าสนใจ เลยเอาไปเขียนให้อ่านอีก Blog หนึ่ง

โดยรวมก็ชอบนะเล่มนี้ เพราะไม่ค่อยชอบอ่านบทความในหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่าไหร่ อ่านเป็นหนังสือดีกว่า ลีลาการเขียนของผู้เขียนคงเส้นคงวา น่าสนใจ ทำการบ้านมาดีอีกต่างหาก ได้อะไรน่าสนใจหลายอย่างจากการอ่านเล่มนี้

ท้ายเล่มอ่านรายชื่อผลงานของคุณ'ปราย อ่านของเธอไปได้ครึ่งหนึ่งเหมือนกันนะ ที่โดนที่สุดคงเป็น จดหมายรัก รองลงมาก็คือ เรื่องรักใคร่ ส่วน สวยสดและงดงาม ตามมาติดๆ ครับ
ลองหาอ่านกันดูครับ

จะมีข้อตินิดเดียวสำหรับเล่มนี้ คือ คำนิยมเป็นคำที่ไม่ใช่ของเล่มนี้ เป็นคำที่ลงทุกเล่มเลย โดยส่วนตัวไม่ชอบ น่าจะนิยมกันแบบเล่มต่อเล่มจะดีกว่านะ เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านคำนิยม เสียความรู้สึกนิดๆ ที่อ่านคำนิยมคำเดิม ที่ไม่เกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้นๆ เลย

ขอบคุณคุณเปิ้ล สำหรับหนังสือดีๆ ที่ส่งมาให้อ่านสม่ำเสมอ ขอบคุณจริงๆ ครับ

ปล.หลังอ่านเล่มนี้ ไปที่ชั้นหนังสือ เอานิตยสารไรเตอร์ (เป็นนิตยสารสุดรักที่เก็บอย่างดีเลยครับ) เมื่อปี ๒๕๔๑ ปก'รงค์ วงษ์สวรรค์ ศิลปินแห่งชาติ ปี ๒๕๓๘ มาอ่าน ผลงานท่านเยอะเชียว วาทะโดนๆ "การบำเรอผู้อ่่านคือเป้าหมายสูงสุดในการทำงาน"
นักเขียนอย่างท่านคบคนทุกชนชั้น ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ถึง โสเภณี งานที่ออกมาจึงกว้างขวาง
ปี ๒๕๔๑ ท่านเพิ่งไปอยู่อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ผลงานจากบ้านหลังนี้คงมีมาบ้างแล้ว

กฎ ๔ ข้อแห่งความสุขของ อัลแบร์ กามูส์

กฎเหล่านี้ อ่านผ่านตาเป็นครั้งที่สอง ถ้าจำไม่ผิด เคยอ่านเจอครั้งแรกในเล่ม บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร ของนักเขียนคนโปรด กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

มาอ่านเจออีกครั้ง ในเล่ม คาเฟ่เสน่หา ของ 'ปราย พันแสง ครั้งนี้คิดสนุก
ตีความเทียบกับประสบการณ์ของเราบ้างดีกว่า

๑. อยู่ในที่มีอากาศโปร่ง ข้อนี้ทำได้อยู่แล้ว สำหรับเด็กบ้านนอก และหมั่นไฝ่หาธรรมชาติอย่างเรา สิ่งหนึ่งที่ติดตัวไปคือรองเท้าวิ่ง ไปที่ไหนอากาศดีๆ สวมรองเท้าแล้ววิ่งตอนเช้า สูดอากาศได้เต็มปอดดีนักเลยครับ
ที่บ้านก็หมั่นปลูกต้นไม้ไว้ ลูกถามว่าต้นไม้นี่ช่วยอุดรูที่คลุมโลกได้หรือ รีบตอบใช่แล้ว สงสัยว่ารู้มาจากไหน เห็นว่าดูสารคดีมา ใครตัดต้นไม้ ขอบอกว่าเป็นอาชญากรต่อโลกครับ ขอประนาม
๒. รักใครสักคนหนึ่ง ในเล่มคาเฟ่เสน่หา ตีความข้อนี้เป็นการรักใครสักคนหนึ่ง อย่างจริงใจ ไม่หวังผลตอบแทน น่าสนใจ
เพิ่งเข้าใจถ่องแท้ก็เมื่อมีลูกนี่แหละ
๓. พ้นจากความทะเยอทะยาน ข้อนี้ไม่ง่าย ก็คนเราทำงาน หรือใช้ชีวิตก็ต้องมีความทะเยอทะยาน แต่หากก้าวข้ามสิ่งนี้ได้ นั่นก็จะเจอความสุข
ข้อนี้ยังไม่ถึง แต่ต้องพยายามต่อไป
๔. ทำงานสร้างสรรค์ ข้อนี้เน้นงานที่ทำเพื่อคนอื่น ก็หมั่นทำครับ คิดถึงคนอื่นมากๆ
เหมือนที่เคยอ่านในหนังสือเล่มแมวน้อยร้อยหมื่นชาติที่เคยได้อ่าน เมื่อคิดถึงคนอื่นได้มากกว่าตัวเอง สุดประเสริฐ เลิกเวียนว่ายตายเกิดเลยครับ
ข้อ ๔ นี้ต้องทำคู่กับข้อ ๒ ครับ

คุณล่ะครับ ทำได้กี่ข้อแล้ว

วันศุกร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

The pursuit of happyness การไขว่คว้าหาความสุข ไม่ง่าย แต่เป็นไปได้



หนังเรื่องนี้ได้ดูตัวอย่างเมื่อครั้งไปดูตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคสอง เห็นแล้วก็เข้าคิวรอในรายการของหนังที่จะดูเลย
ไม่ได้ดูในโรงภาพยนตร์ครับเรื่องนี้
แต่ก็ได้ดูจาก DVD
ตอนแรกพอรู้คร่าวๆ ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับหุ้น
และพระเอกวิลล์ สมิธ เป็นผู้อำนวยการสร้าง และคนที่แสดงเป็นลูกก็ลูกเขาเอง หนังในครอบครัวอีกแล้ว ก่อนหน้านี้คือ Life is beautiful ที่ผู้กำกับที่เอาลูกเมียมาเล่นกันเลย

เมื่อได้ดู ไม่ผิดหวังครับ เศร้าไปนิด แต่ก็ได้กำลังใจดีครับ
เรื่องนี้มาจากชีวิตจริงด้วย กว่าเขาจะได้ตำแหน่งที่เขาต้องการ ต้องอดทนเป็นอย่างมาก โดยมีลูกน้อยเป็นกำลังใจ มีหลายคำเด็ดๆ จากปากลูก เช่น
พ่อถาม Why are you smart?
ลูกชายตอบ Because you are smart.
หัวเราะในความน่ารักครับ

ฉากนอนถ้ำของพ่อลูก สุดซึ้งครับ ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ
น้ำตาพ่อที่ร่วงนี่ สุดยอดครับ
วิลล์ สมิธ แสดงยอดมากครับฉากนี้

เพื่อลูกพ่อทำได้หลายฉากครับ เช่น แย่งห้องพักตอนเย็น หรือ ฉากขายเลือด หัวใจพ่อล้วนๆ ครับ

หลายฉากก็แสดงถึงความอดทนของลูกนะครับ

อย่างหนึ่งที่น่าชื่นชม คือความไม่ยอมแพ้ของผู้พ่อ ยังนึกไม่ออกเลยหากเราเจอมรสุมชีวิตขนาดนี้ จะต้านทานกันได้หรือเปล่า
ผมว่าลูก เป็นหนึ่งอย่างที่ทำให้ฮึดสู้ได้ขนาดนี้ อารมณ์นี้เหมือนในเรื่อง Life is beautiful
เลยครับ
อีกคุณลักษณะของคุณพ่อ คือใจดีครับ ห้าดอลลาร์ที่ให้ท่านประธานไป ทั้งๆ ที่เงินจะหมดกระเป๋าอยู่แล้ว แล้วผลจากความใจดี (แบบไม่เต็มใจ) ครั้งนั้น ก็ส่งผลกลับอย่างทันควัน

ไม่ค่อยได้ดูวิลล์ สมิธ เล่น แต่เรื่องนี้ถือว่าเล่นดีครับ ลูกเขาก็เล่นดีนะครับ

หนังรันทดดี แต่ไม่มาก แถมจบให้กำลังใจดี อิงเรื่องจริงอีกต่างหาก แสดงว่ามีคนเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว
ชีวิตมีไว้สู้ครับ หาสิ่งยึดเหนี่ยว แล้วสู้ในทางที่ถูกที่ควร เต็มที่เลยครับ
มีคำที่ผมชอบอยู่คำหนึ่ง จาก ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา คือ หากสิ่งที่จะรับรู้ หรือ จะทำ ดีต่อผู้อื่น ดีต่อตนเอง (หลังๆ ผมเพิ่มอีกข้อว่า) ดีต่อโลก ทำได้เลยครับ

The Warlords หนังถูกใจเรื่องแรกปี ๒๕๕๑



ปกติจะได้ดูหนังถูกใจตั้งแต่ต้นปีทุกที เพราะมักจะมีคนจัดอันดับหนังถูกใจกันไว้
เรื่องนี้เป็นหนังเรื่องเดียวที่ คุณแพนด้ามหาภัย เลือกมาในปี ๒๕๕๐ แถมรายละเอียดของเรื่องนี้ที่เธอพูดถึงยิ่งน่าสนใจ แต่ตอนนี้เข้าดู Blog นี้ของเธอไม่ได้ จำได้ว่าเธอบอกว่าผู้กำกับเรื่องนี้เคยกำกับเรื่อง เถียนมีมี่ ๓๖๕๐ วัน...รักเธอคนเดียว ที่เธอชื่นชอบ วันก่อนดูในทีวี ก็ซึ้งดีนะ

เรื่องนี้สิดูแล้วได้อะไรเยอะ ข้อคิดดีๆ ในการดำรงชีวิต เช่น มิตรภาพต้องเหนือสิ่งอื่นใด, คนเราต้องมีสัจจะ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นอย่างผู้พี่, ความแตกต่างระหว่างชาวเมืองกับชาวบ้าน ทัั้งในเรื่องแนวคิดและความเป็นอยู่
หนังเรื่องนี้ไม่ได้ตัดสินว่าใครผิด ใครถูก แค่เล่าไปเรื่อยๆ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนแรกดูนึกว่าเป็นพี่น้องสามคนเหมือนหนังจีนเรื่องอื่นๆ แต่เรื่องอื่นพี่น้องจะรักกันดี ไม่ว่าจะเป็น สามก๊ก หรือ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ที่เคยได้ดู แต่เรื่องนี้แตกต่าง ทำไมถึงแตกต่างผมว่าเพราะกิเลสเป็นหลักครับ ดูเรื่องนี้เห็นตัวกิเลสชัดเจนมากเลย ทำให้ดีกรีความชอบเรื่องนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ ตลอดการชม
เรื่องดาราหายห่วงครับ สามพี่น้องเป็นยอดดาราแห่งยุค
ฉากต่างๆ อลังการ สมจริง มีฉากการต่อสู้ เลือดโชก แต่ไม่ดูโหด เพราะเป็นไปตามเนื้อเรื่อง ดีเสียอีกจะได้เห็นว่าสงครามโหดร้ายขนาดไหน
ชอบฉากสามพี่น้องกลับไปบอกคนเฝ้ารอที่บ้านนอก ว่าคนที่เขารักไม่อยู่แล้ว สะเทือนใจมาก ได้แต่หวังว่าโลกนี้จะไร้สงคราม เอ้าเปิดเพลง Imagine คลอหน่อย

ย้อนคิดถึงหนังจีนที่ดูก่อนหน้านี้ มี
Crouching Tiger Hidden Dragon เรื่องนี้ชอบมาก มีปรัชญาแฝงอยู่
Hero เรื่องนี้ชอบ ฉากสวย เนื้อเรื่องดี
บ้านมีดบิน เรื่องนี้เฉยๆ
เจ็ดกระบี่เทวดา เรื่องนี้ไม่ชอบ

หากจัดเรื่องนี้ คงชอบมากสุดเลย แซงเรื่องก่อนๆ เลย ธาตุแท้คนมันแสดงออกมาชัด ถึงใจครับ

สรุปว่าถูกใจ ชอบมาก
เชียร์ให้คนอื่นดูไปทั่วเลยครับ
ดูแล้วจะเห็นธาตุแท้ของคนชัดเจน แล้วเลือกกันเอาเองนะครับ ว่าจะเป็นคนแบบไหน

วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

มังกรหยกสามภาค

ยืมหนังชุด ดาบมังกรหยก จากเพื่อนมานาน เพิ่งจะเริ่มดู ก็ชักงงว่ามันเป็นภาคต่อของมังกรหยกหรือเปล่า เพราะเริ่มต้นก็แย่งชิงดาบฆ่ามังกรกันเลย
กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร เป็นอาวุธหลักในเรื่องนี้

ช่วงนี้อ่านหนังสือ สามก๊กฉบับคนกันเอง ภาคสอง ในเล่มพูดเรื่องมังกรหยกมภาคพอดี เลยกระจ่างขึ้นเยอะ จดเอาไว้เสียหน่อย

มังกรหยกสามภาค เขียนโดยกิมย้ง จะประกอบด้วย
ภาคหนึ่ง ตัวเอกคือ ก๊วยเจ๋ง กับ อึ้งย้ง
ภาคสอง ตัวเอกคือ เอี้ยก้วย กับ เซียวเหล่งนึ่ง
ภาคสาม (ดาบมังกรหยก) ตัวเอกคือ เตียบ่อกี้

เอี้ยก้วย เป็นลูกเอี้ยคัง ตัวร้ายในภาคแรก
ภาคสามเกี่ยวเนื่องคือ ก๊วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง ซ่อนตำราพิชัยยุทธ เพื่อเอาไว้ให้คนเก่งชาวฮั่น เอาไปกู้ชาติจากมองโกล นี่คือจุดเชื่อมโยงของภาคสามกับสองภาคแรก

ส่วนมังกรหยกเชื่อมโยงกับสามก๊ก ตรงที่คนแต่งสามก๊ก หลอกว้านจง อยู่ในยุคของเรื่องดาบมังกรหยก
แต่สามก๊กเกิดมาก่อนครับ

ตัวเอกแต่ละภาคมีข้อเด่น
ก๊วยเจ๋ง หัวไม่ไว ออกจะสมองทึบ ยิ่งเมื่อเทียบกับอึ้งย้งที่หัวไว จนได้ชื่อว่าเป็น ขงเบ้งหญิง
แต่ก๊วยเจ๋งเป็นคนมุ่งมั่น ขยัน ไม่ย่อท้อ จากการทำบ่อยๆ ทำให้แตกฉาน ไม่ลืมง่าย
ถึงขั้นท่องตำราทั้งเล่มได้ ก่อนเจ้าของจะทำลายตำรา
จากลักษณะของก๊วยเจ๋งที่ซื่อ ตั้งใจ นอบน้อม ทำให้มีคนรักมาก โดยเฉพาะคนเป็นอาจาีย์
อีกอย่างก๊วยเจ๋งเป็นดนดีมาก

เอี้ยก้วย เก่งทุกด้าน แต่ชีวิตอาภัพ

เตียบ่อกี้ มองโลกในแง่ดี เพราะถูกเลี้ยงจากพ่อแม่ และพ่อบุญธรรม ทำให้ได้รับความอบอุ่นมาก และพ่อบุญธรรมก็ปลูกฝังแต่สิ่งดี
ทำให้เตียบ่อกี้ เชื่อคนง่าย
แต่เขามองแก่การณ์ใหญ่ จึงตัดใจมอบตำราให้คนที่สามารถกู้ชาติได้ ส่วนตนเองก็ไปอยู่อย่างสงบ
ได้รับการเลี้ยงอย่างดี ก็จะเป็นคนดีของสังคมครับ ท่านผู้ปกครองทั้งหลาย

จดได้เท่านี้ครับสำหรับมังกรหยก ดูดาบมังกรหยกต่อดีกว่า

วันพุธที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

The road home : หนังจีนชั้นดี



เพื่อนเราชอบ เลยลงให้อ่าน เรื่องนี้

หนังจีนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ใน Waiting List มานาน เป็นเรื่องที่หลายคนแนะนำ เมื่อได้สัมผัสก็ไม่ผิดหวัง เนื้อเรื่องดูไม่หวือหวา เป็นเรื่องที่ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตในตัวเมือง จากการเดินทางไปเรี่ยไรเงินมาทำโรงเรียนใหม่ในหมู่บ้านชนบท แล้วเจอพายุหิมะ ผู้เป็นแม่ต้องการให้แบกศพเดินเท้ากลับมาเพื่อให้ผู้ตายได้จำเส้นทางกลับบ้าน ซึ่งเส้นทางนี้เป็นทุกอย่างของสามีภรรยาคู่นี้ อีกทั้งการแบกศพกลับบ้านก็เป็นประเพณีที่ทำมาช้านาน
ปัญหาคือ หนุ่มสาวที่เป็นลูกศิษย์ครูทิ้งหมู่บ้านไปทำงานในเมืองกันหมดแล้ว ไม่มีคนจะแบก ก็เลยจะใช้รถขนแทน ผู้เป็นแม่ไม่ยอม จึงเกิดการแบกศพโดยเบื้องต้นจะจ้างคนจากหมู่บ้านอื่น การเดินทางกลับในครั้งนี้จะต้องฝ่าพายุหิมะซึ่งทุลักทุเลทีเดียว
สุดท้ายลูกศิษย์ของครูก็มาช่วยกันแบกร่วมร้อยคน คนที่รับจ้างก็ไม่เอาเงิน ฉากนี้ดีจริงๆ เห็นคนผลัดกันแบกศพผู้มีพระคุณที่สอนหนังสือมาร่วม ๔๐ ปี เห็นลูกประคองแม่เดินเท้า เพื่อเป็นการเคียงข้างคนรักครั้งสุดท้าย โดยส่วนตัวชอบฉากนี้ที่สุดเลย
ปิดท้ายเป็นเรื่องที่ลูกชายก็ต้องกลับเมือง แต่เขาก็สอนหนังสือเด็กๆ เพื่อแม่ก่อนไป เสียงของลูกในการสอนเหมือนพ่อมาก ทำให้ชาวบ้านทุกคนรวมทั้งแม่รีบวิ่งมาดู หนังจบตรงนี้ ได้แต่หวังว่าลูกชายจะกลับตัวมาเป็นครูแทนพ่อ น่าจะดีสำหรับผู้เป็นแม่ แต่ชีวิตจริงคงไม่เป็นเช่นนั้น
ผมว่าสังคมจีนในเรื่องไม่ต่างจากเมืองไทย คนหนุ่มสาวทิ้งบ้านเกิดไปทำงานกันหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเศร้า อีกเรื่องที่ได้จากเรื่องนี้คือ คนทำดีมาตลอดชีวิต จะได้รับผลดีกลับมาแน่นอน ทำดีไม่ต้องเดี๋ยวครับ

เก็บตกจากวารสาร a day เล่มเดือนเมษายน ๕๑

ว่าจะเป็นวารสารประจำอีกเล่มนะ ต่อจาก สีสัน ที่ตามอ่านกันมายาวนาน เล่มอื่นๆ พอจะตามอ่าน มีอันจากไปเสียทุกที ไม่ว่าจะเป็น Ways หรือ สารกระตุ้น
เล่มนี้คงไม่ไปไหนนะ เล่มหนา โฆษณาเยอะ เล่มละ ๗๐ บาทเอง

เดือนเมษายนเป็นเรื่องนักถ่ายรูป ก็มีสัมภาษณ์นักถ่ายรูปหลายรูปแบบ

มีสถานที่น่าไปคือ มิวเซียม สยาม ที่เปิดในเดือนเมษายน อยู่แถวปากคลองตลาด

มี blog ของ ปราบดา หยุ่น ใน bloggang ด้วย แต่ออกแนวโฆษณานะ
ล่าสุดอ่านเจอในสีสัน คุณสุทธิชัย หยุ่น ได้รางวัลศรีบูรพาปีนี้ด้วย ยินดีด้วยครับ

มี ๓ คอลัมน์ ที่ร่วมสนุกได้คือ จดหมาย, ๑๐ แคนโต้ และ a day diary น่าสนใจร่วมสนุก

มีเรื่องคุณธิดา ผลผลิตการพิมพ์ ที่พูดถึงวารสารเล่มเล็ก ที่จะออกมาใหม่ ได้ทราบแนวทางของ Bioscope ที่เน้นให้ต่อยอดจากการดูหนัง ชอบ ตรงใจจัง ต้องลองๆ

มีอัลบั้มของชาตรี คงสุวรรณ Into theight ที่น่าสนับสนุน หาซื้อมาสี่วันแล้ว หาซื้อยากจัง
หนังยังไม่ค่อยโดน จากเล่มนี้
ส่วนหนังสือมีเล่ม Dead poets society ที่น่าสนใจ เขาเอาหนังมาทำหนังสือ สาวกครูคีตติ้งห้ามพลาด
ทุกคอลัมน์จะทิ้ง E-Mail ไว้ ว่างๆ Mail ไปคุยบ้างดีกว่า

สรุปไว้ก่อนแจกต่อให้ตากล้องต่อไปสำหรับเล่มนี้

วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

3 ฉากประทับใจ

สามฉากนี้เป็นหนังที่ดูเมื่อปี 2549 ครับ
เอาไว้ไปแจมกับคุณผมอยู่ข้างหลังคุณครับ

1. Crash ผมก็ชอบฉากเสื้อคลุมที่พ่อเล่าให้ลูกฟังมากเหมือนกัน ต่อเนื่องมายังฉากที่พ่อถูกยิง แล้วลูกกระโดดมาขวาง เพราะลูกบอกว่าเสื้อคลุมของพ่ออยู่ที่ลูก เป็นฉากที่แรงมากครับ แค่คิดถึงก็น้ำตาซึมแล้ว เด็กๆ นี่เป็นสิ่งสวยงามของโลกจริงๆ ครับ อยากให้ลูกเราทำกับเราอย่างนี้บ้างจัง คงต้องเริ่มที่ตัวเราก่อนนะ
2. Always: Sunset on third street ชอบฉากเด็กน้อยหลงไปไกลบ้าน แล้วกลับบ้านได้ พร้อมคำพูด "เครื่องรางของแม่พาผมกลับบ้านครับ" อบอุ่นบอกไม่ถูกครับ
3. The Village Album : ฉากเดินทางไปถ่ายรูป โดยเฉพาะคุณยายบนภูเขา สวยมาก และยิ่งคุณยายเอาผลไม้มาเยี่ยมช่างถ่ายรูปผู้พ่อ ยิ่งงดงามใหญ่

เอามาลงให้อ่านกัน มีฉากไหนโดนใจ บอกกันบ้างนะครับ

ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ สอนเรื่อง Learning Organization

07/07/49
ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ มาสอนเรื่อง Learning Organization ที่บริษัท จดข้อคิดดีๆ ไว้ได้ดังนี้
1. สิ่งที่เห็น ไม่จำเป็นต้องเป็นจริงเสมอไป
2. การเรียนต้องทำตัวสบาย ๆ
3. การสุมหัวกันเรียน, สุมหัวกันคิด, การหยุดและพูดซ้ำหรือทำซ้ำ เป็นเทคนิคหนึ่งของการเรียนรู้
4. ไม่จำเป็นต้องฉลาด แค่ให้มีเทคนิคและเครื่องมือ
5. ถ้าไม่ชอบการอ่าน 1. ให้ฝืน 2. สุมหัวกันอ่าน 3. หาคนอ่านแล้วมาเล่าให้ฟัง 4. อัดเทปมาฟัง
(เหมือนมีคนอ่านหนังสือ เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน เป็น MP3)
6. การเชื่อกฎแห่งกรรม เหมือนการใส่หมวกกันน็อคให้ชีวิต (แนะนำหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว)
7. การแทงกั๊ก คือ การทำทั้ง 2 อย่าง ไม่เชื่อก็ทำไว้ก่อน
8. คนที่ล้มเหลว ส่วนใหญ่ เชื่อตนเองมากกว่าเชื่อคนอื่น
9. ชีวิตนี้ต้องมีโค้ช (Role Model)
10. การประเมินตนเอง เป็นที่สุดของการเรียนรู้
11. ผู้ชายที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมีภรรยาที่คอยควบคุมพฤติกรรมได้
12. การอ่านหนังสือต้องมีวิจารณญาน
13. การทำให้หัวเราะ เป็นอีกมิติหนึ่งของการเรียนรู้
14. ภาวะผู้นำ อยู่ที่อารมณ์และจิตใจ
15. EQ คือ ความฉลาดทางอารมณ์ ถ้า EQ ต่ำ IQ ก็ต่ำด้วย
16. อคติ เป็นตัวที่ชั่วร้ายแห่งการเรียนรู้
17. การกล้าพูด กล้าทำ กล้าคิด แต่ไม่ทำร้ายใคร เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
18. การสอดรู้สอดเห็น เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
19. สร้างองค์ความรู้ขึ้นมาจากตัวเอง คิดเป็น ทำเป็น
20. เรียนรู้ ไม่ใช่รับรู้ การเรียนรู้ได้มาจากการลงมือทำ
21. Out come คือ สิ่งที่ต้องการขั้นสูงสุดในการเรียนรู้ (เอาตัวรอดได้ในสังคม) ได้รู้สันดานและอารมณ์ของตัวเอง
22. Out put คือ สิ่งที่ได้ออกมา, ความสำเร็จ (เช่น ปริญญา)
23. สติมา ปัญญาเกิด อย่างนิรันดร์ ไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง
24. การเป็นสามี- ภรรยา
Out put คือ เป็นเพื่อนกัน มีลูก
Out come คือ นิพพาน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น – ภาวนาต่อไป (เป็นการทดสอบอารมณ์)
25. เน้น Process คือทำบ่อย ๆ ค่อย ๆ เรียนรู้ ไม่เน้น Result
26. ทุกคำถาม ไม่มีคำตอบเดียว ไม่มีคำตอบใดถูกต้องตลอดกาล ขึ้นอยู่กับปัจจุบัน
27. การเรียนรู้ตนเอง สำคัญที่สุด รู้จักใจตนเอง หาอารมณ์ตนเองให้เจอ
28. หาสมดุลภายใน รู้จุดอ่อนตนเอง รู้อารมณ์โกรธ โมโห

อยากรู้จัก ดร.วรภัทร์ มากขึ้น ลองไปที่ Blog ท่าน ที่ http://gotoknow.org/blog/ariyachon

วันจันทร์ที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

Goal Club : เกมล้มโต๊ะ



ผู้กำกับ : เรียว กิตติกร พงศ์สุวรรณ
นำแสดง : สุรัตนาวี, ธีรดนัย, บริวัตร, วงศ์วรุฒน์, ปริญญา, เคนทร์สมุทร์
ความยาว : ๑๑๕ นาที
ระดับความชอบ : ๘.๕/๑๐

เพิ่งไปบ้านเพื่อนสมัยเรียนมัธยมมาครับ
เพื่อนผมคนนี้ชอบดูหนังแนวๆ
วันนั้นเลยได้หนังกลับบ้านมา ๒๐ เรื่อง
รวมถึงเรื่องนี้

เพื่อนผมบอกสรรพคุณว่า เป็นหนังดีที่สุดของเรียว กิตติกร ยิ่งน่าสนใจล่ะสิ ก็เคยประทับใจกับ เมล์นรก หมวยยกล้อ มาแล้ว เล่นบอกว่าดีกว่า อืม น่าสนใจ

จริงๆ ตอนออกมาใหม่ๆ คนก็ชมกันเยอะ แต่ยังไม่ได้ดู

เลยเริ่ม ๒๐ เรื่องที่ยืมมาด้วยหนังไทยก่อนเลย
ไม่ผิดหวังครับ ดีสมราคาเลย
ตีแผ่ชีวิตวัยรุ่นในปัจจุบันได้ดีครับ
ปัญหาพนันบอล ช่องทางการใช้เงินต่างๆ ของตัวละครล้วนแตกต่างกัน
เมื่อมีเงินออก ก็ต้องหาเงินเข้า ทีนี้ก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย แล้วเรื่องราวก็เริ่มจากตรงนี้

มีหลายฉากที่บอกแนวคิดของวัยรุ่น ที่ชัดๆ คือฉากเดินคุยกันของ อ๊อตโต้ และ เจ ที่ใช้มุก แต่ในใจคิดว่า ของซูโม่สำอางมาใช้ แต่ความคิดที่สื่อออกมาทำให้รู้ว่าเด็กเดี๋ยวนี้คิดกันได้น่ากลัวดีจัง คิดกันถึงขนาดนี้หนอเยาวชนในสังคมเรา แต่นี่คือสถานการณ์จริงของสังคมปัจจุบันครับ ต้องรู้และเตรียมรับมือให้ทัน

ดูเรื่องนี้ตามประสาคนบ้าบอล ชอบครับ
บอกบรรยากาศการดูบอลชัดเจนดี
ครั้งที่แล้วดูเรื่อง Goal! แล้วมันไม่ได้อารมณ์ฟุตบอล แต่เรื่องนี้ทำได้ถึงดี สงสัยผู้กำกับชอบดูบอล เลยรู้ว่าอารมณ์โห่บอลตอนดึกนี่ มันขนาดไหน

แต่สุดท้ายอบายมุขก็ให้ผลลัพธ์แบบเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงครับ
หนังตอกย้ำให้เห็นกันชัดเจน ทำได้ดีครับประเด็นนี้
ดูแล้วจะกลัวการพนันมากขึ้น เพราะจบไม่ดีซักคน

สรุปว่าเป็นหนังไทยที่น่าดูอีกเรื่อง สงสัยต้องติดตามผู้กำกับคนนี้ไปเรื่อยๆ เสียแล้ว
เห็นว่ากำกับเรื่อง ดรีมทีม เขาก็ว่าดีกันนะ
ตามให้กำลังใจกันต่อไปครับ สำหรับหนังไทย

10 ข้อง่ายๆ ที่เราจะช่วยหยุดโลกร้อน

ง่ายๆ 10 ข้อที่ทางเวปไซต์ climate crisis แนะนำ คือ
1. Change a light ใช้หลอดประหยัดไฟ (1 หลอด ลด CO2 ได้ 150 ปอนด์ต่อปี)
2. Drive less ขับรถต่อเมื่อจำเป็น ถ้าต้องขับก็ชวนคนอื่นนั่งไปด้วย (car pool) ใช้บริการขนส่งมวลชนให้มาก ขี่จักรยานได้ยิ่งดี
3. Recycle more ถ้าแยกขยะในบ้านซักครึ่งนึง แล้วเอาไปไปรีไซเคิล จะลด CO2 ไป 2400 ปอนด์ต่อปี
4. Check your tires เช็คสภาพยาง เพราะยางแบนทำให้เปลืองน้ำมันต่อระยะทางไป 3% และมี CO2 เพิ่มขึ้น 20 ปอนด์ ต่อคัน
5. Use less hot water ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นให้น้อยลง
6. Avoid products with a lot of packaging หลีกเลี่ยงสิ้นค้าที่บรรจุหีบห่อ เพราะ 10% ก็คือขยะ ลดถุงพลาสติกที่ซุปเปอร์ หรือ ตลาด ด้วยการเอาถุงจ่ายกับข้าวไปเอง
7. Adjust your thermostat ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม ลองเพิ่มซัก 2 องศา ก็ลด CO2 ไป 2000 ปอนด์ต่อปีแล้ว
8. Plant a tree ปลูกต้นไม้เยอะๆ ช่วยดูด CO2
9. Turn off electric devices ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเวลาไม่ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ เครื่องเล่น VDO/DVD เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ แค่นี้ก็ลด CO2 ไปหลายพันปอนด์ต่อปีแล้ว
10. Spread the word ข้อสุดท้ายคือ บอกต่อๆกันไป

Link ที่เกี่ยวข้อง :
http://www.climatecrisis.net/
http://gotoknow.org/blog/ariyachon/54256

วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

7 เรื่องสั้นของฟ้า หนังสือดีๆ ที่ต้องบอกต่อ (LIF#3)



เล่มที่ ๓ แล้วสำหรับโครงการ LIF ผมเพิ่งสังเกตนะว่าส่วนใหญ่ในโครงการเป็นผู้หญิง และเท่าที่ดูใน Bloggang ก็จะเป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ หรือผู้หญิงชอบการขีดเขียนมากกว่าผู้ชาย

มาว่ากันเล่มนี้สรรพคุณมากมายเหลือเกิน เจ้าของหนังสือคือ คุณสาวไกด์ใจซื่อ จัดให้เป็นเล่มโปรดในปี ๒๕๔๙ ของเขาเลยทีเดียว คนที่อ่านต่อมาคือ คุณยาคูลท์ ก็ชื่นชมเล่มนี้เช่นกัน ทั้งสองคนฝากลายมือไว้ในกระดาษ สอดไว้ในเล่มด้วย ใครยืมต่อเล่มนี้จะเห็นลายมือผมอีกคน เพิ่มความน่าสนใจในการยืมขึ้นบ้างไหม (ฮา)

จริงๆ แล้วผมรู้จักหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกจากการแนะนำของ คุณเอื้อ อัญชลี ในหนังสือสามก๊กฉบับคนกันเอง ในบทความชื่อ ชามใบเดียวไร้เสียง ชามสองใบเสียงดังติงตัง ซึ่งคำนี้สะท้อนแนวการทำงานของคุณฟ้า พูลวรลักษณ์ คุณเอื้อฯ บอกไว้ว่า "คุณฟ้ามีกระบวนการที่น่าสนุก เพราะเขาจะมีสภา ๘ คนคอยอ่านงานของเขาและให้คำวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ทำให้หนึ่งความคิดของเขาได้ปะทะกับอีก ๘ ความคิด
คุณฟ้ามีสภาตั้ง ๘ คน เป็นปัญญาชน ๔ คน และเป็นชาวบ้าน ๔ คน เหมือนมีชามตั้ง ๘ ใบ เสียงดังเคร้งคร้างสนุกไปเลย"
และท้ายสุด คุณเอื้อฯ ก็เป็นชามใบหนึ่งในสภาของคุณฟ้าด้วย ทำให้เห็นความงดงามของการแข่งขันต่อสู้ เธอบอกว่า หากไม่มีการแข่งขัน จะไม่มีการเรียนรู้ ไม่มีการพัฒนาตัวเอง และไม่สร้างสิ่งใหม่
การเข้าร่วมสภานี้พบว่าเป็นบรรยากาศของการสร้างสรรค์ที่สนุกสนาน
อ่านแล้วอิจฉา คุณเอื้อฯ ตะหงิดตะหงิด

ผมจัดเรื่องสั้นในเล่มนี้เป็นเรื่องสั้นขนาดยาว คนเขียนลักษณะนี้ที่จำได้คือ กนกพงศ์ สงสมพันธ์ ผู้ล่วงลับ แต่เล่มนี้ไม่เครียดเท่า ดำเนินเรื่องเรื่อยๆ ภาษาง่ายๆ ค่อยๆ กินใจ อ่านแล้ววางไม่ลงเลยทีเดียว

เรื่องที่ชอบมากคือ แพรว ซึ่งอ่านง่ายที่สุด, ส่วน นางฟ้า จบแบบหนังฝรั่งเลย, สู้เขาสิ อ้อ ก็แสดงความงดงามของการแข่งขัน, เพื่อนของนิพัทธ์ ทำให้นึกถึงชีวิตสงบในบั้นปลายชีวิต และท้ายสุดมีคำคมจากเรื่อง เด็กชายปกรณ์กับเด็กหญิงปกรณ์
"ใครคนหนึ่งบอกว่า กิเลนเป็นสัตว์หายากในโลก มันจึงสามารถเดินเข้ามาในตลาด โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ดวงตามนุษย์คุ้นเคยกับสิ่งที่เคยเห็น เมื่อเจอสิ่งที่ไม่เคยเห็น สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งล่องหน"
หวังว่าเราคงไม่ถูกมองว่าเป็นสิ่งล่องหนหรอกนะ

อีกสองเรื่องไม่โดนใจมาก แต่ก็อ่านสนุกทีเดียว

ในประวัติของ คุณฟ้า พูลวรลักษณ์ พูดถึงสำนักแคนโต้ที่เขาเป็นเจ้าของ คุณยาคูลท์บอกไว้ว่าแคนโต้ เป็นบทกวีชนิดหนึ่ง ใครมีรายละเอียดเพิ่มอีก ช่วยบอกที

สรุปว่าหากคุณเป็นนักอ่าน ต้องอ่านเล่มนี้ รับรองไม่ผิดหวังครับ

ปล.อยากรู้ว่า LIF คืออะไร ลงกดไปที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=amp-atom&group=9

Man of the year เป็นได้เมื่อรู้จักตัวเอง



ผู้กำกับ : Barry Levinson
นำแสดง : Robin Williams
ความยาว : ๑๑๕ นาที
ระดับความชอบ : ๘/๑๐

ซื้อหนังเรื่องนี้มาเพราะพระเอก ครูคีตติ้งในเรื่อง Dead Poets Society ที่ติดตรึงตาเราเสมอ ถือเป็นหนังในดวงใจตลอดกาล จำได้ว่าตอนปีสอง วิชาภาษาอังกฤษ เขาให้หัดพูดและพูดเรื่องหนังที่เราโปรดปราน บอกไปว่าชอบหนังเรื่องนี้ เพราะครอบครัวของผมเป็นครอบครัวคุณครูครับ พ่อแม่ พี่ป้านัาอา ครูหมดเลย เลยชอบหนังครูเรื่องนี้
ตอนนั้นบอกไปว่าดูไป ๕ รอบ อาจารย์ทำหน้างงๆ แบบไม่เขื่อหู
หนังเรื่องนี้ซื้อให้พ่อแม่ด้วยแหละ
ตอนนี้เห็นว่าออกมาเป็นหนังสือแล้ว สำหรับหนังสือเรื่อง Dead Poets Society ลองหาอ่านกันดูครับ

ที่พูดเพราะหนังของ Robin Williams ทุกเรื่อง หากไม่ติดอะไร ดูครับ ก็เป็นสาวกครูคีตติ้งแล้วนี้ Oh! captain, my captain.

เรื่องนี้ก็ทำนองเดียวกัน คว้ามาเป็นเจ้าของแบบไม่ได้คิดครับ

มาอ่านปก เป็นหนังใหญ่พอสมควร ผู้กำกับก็ไม่ธรรมดาครับ กำกับ
Rain man หนังออสการ์ด้วย

หนังยาวเชียว แอบง่วงบางช่วง บทสนทนาเยอะครับ อ่านกันเหนื่อยเลย

ถามว่าชอบไหม ไม่ค่อยมากครับ แต่ก็สนุกดี ดาราทุกคนแสดงดี ฉากสมจริงดี

ฉากที่ชอบ เป็นฉากที่ตัวเอกมักถามคนอื่นว่าเลือกเขาไหม เช่น ถามนางเอก ก็ได้คำตอบว่าไม่เลือกเขา เป็นการตรวจสอบความจริงอย่างหนึ่ง

ข้อคิดที่ได้คือ ให้เรารู้ตัวว่าเป็นอะไร แล้วทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
เหมือนตัวเอกที่รู้ตัวเองว่าเป็นดาวตลก และทำได้ดีมาก แม้มีโอกาสเป็นใหญ่ถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ไม่ใช่ตัวตนของเขาครับ
สุดท้ายเมื่อรู้ตัวเอง ทำตรงจุดที่เด่น ก็จะเป็น Man of the year ได้ครับ
เราทุกคนก็เป็นได้นะ หากรู้จักตัวเอง

ปีนี้ตั้งเป้าหมายเป็น Man of the year กันบ้างดีไหมครับ

Flushed Away : Rat Adventure



ผลงานการ์ตูนค่าย Dreamwork และ Aardman
ผู้สร้าง Shrek
ระดับความชอบ ๗.๕/๑๐

ตื่นเช้าวันอาทิตย์ ลูกสาวคนโตวัยแปดขวบนั่งเลือกหนัง เห็นเอาเรื่องนี้จะดู ก็เลยขอแจม เพราะยังไม่ได้ดู

เป็นเรื่องของหนูในเมือง ที่โดนเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ช่วงบอลโลกในอังกฤษ เจ้าของบ้านไปเที่ยวกัน เห็นว่าจะไปดูบอลรอบชิงระหว่างอังกฤษกับเยอรมัน ดังนั้นหนูที่อยู่บ้านก็ร่าเริงเป็นธรรมดา

แต่ก็อยู่คนเดียวนะครับ กับตุ๊กตา
จนโดนบุกรุกจากหนูท่อ แล้วโดน Flush Away จากชักโครก
จึงเจอโลกใหม่ของหนู ที่มีความสัมพันธ์กันดี ทั้งครอบครัวหนู คนรู้จักกัน ไม่โดดเดี่ยว

แต่ก็มีตัวร้ายจ้องทำลายชุมชนหนู
โดยจะใช้ช่วงพักครึ่งฟุตบอล ที่คนดาหน้าเข้าห้องน้ำ น้ำจะเยอะและทำลายชุมชนหนูท่อไปเอง

นางเอกขาลุยและพระเอกแบบจับพลัดจับผลูจึงต้องหาทางป้องกันชุมชนไว้ให้ได้

ก็ดูสนุกดี พอดูได้ แง่คิดก็มีเรื่องครอบครัวที่ต้องรักษาไว้ หากใครมีพร้อม ถือว่าโชคดีครับ

ค่ายนี้ทำหนังการ์ตูนออกมาเยอะเหมือนกันนะ แต่ก็ต้องคอยเลือก เพราะหลายเรื่องเนื้อหาออกจะผู้ใหญ่
ที่ดูก่อนหน้านี้คือ Bee Movie ที่ชอบมากกว่าเรื่องนี้ครับ

ได้ศัพท์ใหม่ Slug = ทาก ครับ เป็นตัวร้องเพลงหลักของเรื่องเลยครับ

ดูจบมักจะถามลูก ได้อะไรบ้าง นี่เอาแนวคุณพ่อหมอพรทิพย์มาใช้ แต่มักไม่ค่อยได้คำตอบดีๆ เท่าไหร่ แต่ต้องหมั่นถามกันไปนะ คนเป็นพ่อแม่ต้องอดทน จริงไหมครับ

อ้อ อย่าลืมหาหนังดีๆ เหมาะกับลูก สะสมไว้ที่บ้าน เวลาเขาเกิดอยากดู จะได้มีหนังดีๆ ดูครับ เรื่องนี้ก็พอไหว
อีกค่ายที่ชอบซื้อเก็บไว้คือ Ghibli Studio ครับ ชอบ รูปสวย เพลงเพราะ เหมาะกับเด็กดี แต่ต้องเลือกนะครับ เพราะพักหลังเห็นทำหนังวัยรุ่นหลายเรื่อง แต่รูปสวย เพลงเพราะ นี่ของตายของค่ายนี้ครับ

มีความสุขกับการดูหนังกับลูกนะครับ

Goal! น่าจะดีกว่านี้เนอะ



ระดับความชอบ : ๖/๑๐

ผมรักฟุตบอลครับ
รักตั้งแต่จำความได้ มีความฝันมากมายเกี่ยวกับฟุตบอล
เคยตัดรูปดารานักเตะมาเก็บ
ตัดตราประจำสโมสรมาเก็บ
เคยท่องชื่อสนามในอังกฤษได้หมด แต่หลังๆ เปลี่ยนชื่อไปหลายสโมสร
ผมเลยชอบเล่นเกม FM (Football Manager) เพราะมันสนองฝันการเป็นผู้จัดการทีมให้กับทีมโปรดได้ดี
ผมเล่นฟุตบอลแบบใช้สมองครับ ไม่เคยเจ็บตัวเพราะฟุตบอล อยากได้เรอะ เตะให้เลย ไม่ต้องมาเสียบ
ผมจะชอบให้ลูกทำงาน ไม่เลี้ยงครับ ส่งแล้วหาที่ว่าง ส่งตามช่อง แทงทะลุกองหลัง ผ่านด่านเช็คล้ำหน้า สุดยอดของนักจ่ายแล้ว
เลี้ยงสุดเส้นแล้วโยนเข้ากลางประตู ท่ามาตรฐานนี้ก็ชอบมาก แต่เหนื่อยง่ะ
นักจ่ายอย่างผมมีปัญหากับการยิงประตูครับ ใจไม่นิ่งพอ มักยิงไม่เข้าเวลาคนอื่นส่งมาให้
ใจมันไม่เพชรฆาตพอครับ

สาธยายมายาว จะบอกว่าผมดูหนังเรื่องนี้แบบคาดหวัง ตามประสาคนรักฟุตบอลครับ
แล้วก็ผิดหวังครับ

ปกติหนังเกี่ยวกับกีฬามักกระชากใจได้เสมอ แต่เรื่องนี้ไม่
มันไม่มีจุดไคลแมกซ์ครับ

หนังกีฬาต้องมีช่วงฝึกซ้อมอย่างหนัก ช่วงนี้ต้องมีเพลงประกอบมันๆ เอาแบบผลที่จะได้มานี่ มันไม่ง่ายนะครับ
ซึ่งกีฬาเป็นอย่างนั้นจริงๆ

รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คำนี้ใช้ได้เสมอกับกีฬา
เรื่องนี้ก็ไม่มี หรือเป็นกีฬาอาชีพ เลยไม่มี

ถามพี่นักดูหนัง บอกว่าภาคสองเป็นช่วงรุ่งเรือง และอบายมุขที่เข้ามารุมเร้า
คิดในใจว่าจะน่าดูเหรอ

ทำไมไม่อินเรื่องนี้ ผมเดาว่าผู้กำกับไม่ใช่คนรักฟุตบอลพันธุ์แท้
เคยไหมครับดูบอล แล้วน้ำตาร่วงตอนรับถ้วยน่ะครับ ต้องอินกันขนาดนี้ ส่วนใหญ่จะเล่น ๑๒๐ นาทีครับ นัดอย่างนี้ นวดน่องกันถ้วนทั่ว

ไม่รู้สิครับ ผมว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้นะ ถ้าตั้งใจ

ยังไงก็รักฟุตบอลครับ
จริงๆ ชอบกีฬาอื่นตามมามากมาย มีกีฬาเดียวที่ดูไม่เป็นคือ อเมริกันฟุตบอล
แต่ฟุตบอลเป็นหนึ่งเดียวเสมอมาครับ

ชาวดาวอังคารก็อย่างนี้แหละครับ ชอบกีฬา เพราะเป็นตัวแทนของการทำสงคราม แบบที่ชาวดาวอังคารมีพื้นฐานมา
สาวๆ ชาวดาวศุกร์ คงพอเข้าใจนะครับ
แต่อบายมุขอย่าไปยุ่งนะครับ
อบายมุข แปลว่า หนทางแห่งความฉิบหาย อย่าไปเลยนะครับทางนี้

ที่ดีที่สุดคือหมั่นออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของเรา
มีความสุขทุกคนครับ

The Little Mermaid น่าดู เหนือกาลเวลา



ระดับความชอบ : ๙/๑๐

หนังและการ์ตูนของวอลท์ ดิสนีย์มีจุดเด่นคือไม่มีพิษมีภัยต่อเด็ก ซึ่งจะต่างกับการ์ตูนค่ายอื่นที่จะต้องทดลองดูก่อน เพราะบางครั้งเป็นการ์ตูนที่ผู้ใหญ่ควรชมเสียมากกว่า

เรื่องนี้ที่หามาดูเพราะลูกสาวคนเล็กวัยสี่ขวบอยากจะดู
เนื่องจากมีหนังสือเรื่องนี้ที่บ้าน ลูกเลยอยากดูสำหรับแผ่นนี้
หาไม่ง่ายนะครับแผ่นนี้ จนถึงขั้นต้องสั่ง ถึงจะได้เอามาดูกัน

เป็นหนังปี ค.ศ.๑๙๘๙ ซึ่งคว้า ๒ รางวัลออสการ์ในเรื่องดนตรีประกอบ และเพลงยอดเยี่ยม ด้วยเพลง Under the sea

ดูกันสามคนกับลูกสาวสองคนเรื่องนี้ สนุกดี ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย
แอบเห็นลูกสาวคนเล็กเขินตอนเขาสวีทกัน ก็งงว่า ฉากแบบนี้จะดีกับเด็กไหมหนอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป แอบดูเฉยๆ

รวมๆ ภาพสวย เพลงเพราะ สนุกสนานดี

บนปกเขียนว่า นี่เป็นการ์ตูนที่ดีที่สุดของค่ายนี้ ท่าจะจริง หลายปีมาแล้วก็ยังน่าดูครับ
บางครั้งของดี ต้องวัดกันที่กาลเวลา คุณว่ามั้ย

FEARLESS ประลองยุทธ์เพื่อชนะใจตนเอง



ผู้กำกับ : Ronny Yu
นำแสดง : Jet Li
ระดับความชอบ : ๘.๕/๑๐

บนปกบอกว่าคนสร้างเป็นชุดเดียวกับที่ทำเรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon และ Hero ซึ่งเป็นหนังจีนในดวงใจเลยสองเรื่องนี้
บนปกบอกอีกว่าผู้กำกับคิวบู๊ ทำเรื่อง The Matrix ด้วย อืม น่าสนใจ
แถมบอกว่าเป็นหนังกังฟูเรื่องสุดท้ายของ Jet Li เอ แล้วเขาจะไปแสดงแนวไหนหว่า

หลายคนบอกว่าหนังดี เรื่องนี้ เลยคว้ามาเก็บไว้นมนาน
และแล้วก็ได้ฤกษ์ดูเสียที

ตอนแรกออกจะรุนแรง ก็กะดูเอามันตามแบบหนังจีนกำลังภายในทั่วไป
แต่กลางเรื่องมีจุดเปลี่ยนครับ
ทำร้ายเขามากๆ สุดท้ายภัยก็ถึงตัว
กับตัวเอก (Huo Yuan Jia) ภัยนั้นใหญ่หลวงนัก

สติแตกไปเลยครับ สำหรับพระเอก ต้องอาศัยธรรมชาติเยียวยา
หลายฉากในชนบทที่พระเอกไปรับการเยียวยา น่าประทับใจครับ
เช่น ฉากสูดลมขณะดำนา ชอบฉากนี้จัง สื่อดีครับ
ดีใจที่เห็น สมรักษ์ คำสิงห์ ในเรื่องนี้ด้วย ไม่รู้มาก่อนนะเนี่ย

สุดท้ายกลับมาต่อสู้ในเมืองอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มาด้วยวิจารณญาน รู้แล้วว่าต่อสู้เพื่ออะไร
เรียนกังฟูไปทำไม
สุดท้ายเป็นกำเนิดของวิชา บูซู ที่โด่งดังจนปัจจุบัน

มีเรื่องกัลยาณมิตร ที่แสดงให้เห็นในเรื่องนี้
กัลยาณมิตรนี่เป็นแสงทองของชีวิตจริงๆ นะครับ
หากันให้เจอนะครับ มิตรแบบนี้

ดูสนุก ลำดับเหตุการณ์ติดตามได้ไม่ยาก
ฉากต่อสู้ มันดีครับ สมจริงดี

สรุปว่าดีกว่าที่คาดไว้ ให้ข้อคิด สนุกอีกต่างหากครับ

21 Grams คนเราก็เท่านี้แหละครับ



ผู้กำกับ : Alejandro Gonzalez Inarritu
นำแสดง : Sean Penn, Benicio Del Toro, Naomi Watts
ระดับความชอบ : ๙.๕/๑๐

ตอนผมได้ดูและเขียนถึงหนังเรื่อง Babel : หลายชีวิตฉบับฝรั่ง ซึ่งเป็นหนังฝีมือผู้กำกับคนนี้เช่นกัน มีคนมาแอบยอหนังเรื่อง 21 Grams ให้ได้ยินอยู่นะ แต่กลับไปอ่าน Blog เก่าแล้วไม่เจอแฮะ Comment นั้น

หนังเรื่องนี้ซื้อมานาน ตั้งแต่เริ่มออกมาเลยครับ เป็นหนังปี ๒๐๐๓ รับรางวัลปี ๒๐๐๔ บนปกเห็นรางวัล ดาราประกอบชายออสการ์, ตัดต่อยอดเยี่ยมของ BAFTA, ดารานำหญิงยอดเยี่ยมของ BFCA Award
หลายเสียงชื่นชมครับหนังเรื่องนี้
แน่นอนตามประสาเรา ซื้อเก็บไว้ก่อน ถ้าเป็นตอนนี้จะไม่ซื้อครับ เช่าเอาดีกว่า เพราะดูครั้งเดียว เขียนเก็บไว้ โอกาสจะดูซ้ำมีน้อยมาก พอดูเสร็จก็จะใส่ไว้ในกล่อง ใครมายืม ยกให้ทั้งกล่องเลย อิอิ
ใครสนใจเรื่องไหน บอกได้นะครับ เผื่อจะส่งให้ยืม ลองไล่ดูรายชื่อที่เขียนถึงไว้แล้วใน Blog นะครับ

และแล้วได้ฤกษ์ วันแรงงานแห่งชาติ ไม่ได้ไปไหน ประจวบกับเพิ่งอ่านหนังสือเล่ม นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา ที่พูดถึงเรื่องนี้ไว้ ก็เลยแซงคิวเรื่อง Man of the year ที่จ่ออยู่แบบเฉียดฉิว
นี่ยังมี Star wars หกภาค และ Lord of the rings ที่รอคิวดูอยู่ สงสัย ดาบมังกรหยก คงอีกนานกว่าจะจบ

ตั้งใจครับเรื่องนี้ตอนดู ก็แว่วๆ ว่า ตัดกันฉึบฉับยิ่งกว่า Babel เสียอีก
ดูจบ ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมครับ
แทนที่จะเล่าตรงๆ เรียงลำดับเวลา ไม่เอา
เอาแบบสลับไปมา ให้ติดตามกันซะงั้น แต่ตามทันครับ ตื่นเต้นดี ผมในฐานะคนดูหนัง ต้องบอกว่ายอดเยี่ยม ไม่รู้ตอนวางเรื่อง เรียงจนจบก่อน แล้วค่อยมาตัดต่อสลับไปมาหรือเปล่า ไม่งั้นงงตาย
แต่ผลจากการสลับไปมาของฉาก และกาลเวลา ทำให้หนังน่าสนใจขึ้นอีกเยอะเลยครับ

ทุกฉากปิดท้ายกันที่ฉากสุดท้ายครับ แม้ไม่ Happy ending แต่ก็จบได้สวยงาม

ผมว่าฝรั่งหาทางออกในชีวิตไม่เก่งครับ
ผมยังมั่นใจว่า ศาสนาพุทธทำให้เราลืมได้ง่ายกว่า และมีเหตุผลมากกว่า
มีประโยชน์อะไรครับ ที่จะย้อนไปคิดสิ่งที่ทำผิดไปแล้ว ในเมื่อการเกิดดับมีตลอดเวลา ไอ้คนที่ขับรถชนคนนั้น มันตายไปแล้ว มีเฉพาะคุณพ่อลูกสอง พร้อมภรรยาสุดที่รัก ที่ต้องดูแล ทำหน้าที่ให้ดี ไม่ดีกว่าหรือ
หรือหากจะสะท้อนตัว จะทำให้ดี ต้องมีสติตั้งแต่ขับรถ เดาว่าคนที่ขับรถชน น่าจะเมา ไม่มากก็น้อย ดังนั้น เมาไม่ขับนี่ดีที่สุดครับ เมาได้ แต่อย่าขับเลยครับ เดือดร้อนคนอื่นมากครับ
ในฐานะคนเป็นพ่อเหมือนไมเคิล คงต้องระวังให้มากที่สุด พลาดไม่ได้แม้วินาทีเดียว ชีวิตนี่ละเอียดอ่อนมากครับ
หากสูญเสียแบบคริสตินา ต้องทำใจครับ ตรงนี้แหละศาสนาพุทธเจ๋งกว่า หาสิ่งยึดเหนี่ยวดีๆ ไม่คิดแค้น คิดว่าเป็นวิบาก หรือบททดสอบที่เราต้องก้าวข้ามไปครับ

สำหรับพอล ถ้าเป็นผม ผมว่าไม่ควรหาว่าเป็นหัวใจของใคร แล้วคู่ชีวิตที่ดูแลมาจนได้หัวใจใหม่ ควรจะดูแลเขามากกว่า สิ่งที่เขาต้องการก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง ส่วนเรื่องอดีต ต้องลืมครับ เธอคนนั้นที่เคยทำแท้ง ตายไปนานแล้ว

ไม่รู้สิครับ เราก็พูดได้ เพราะไม่อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ทางที่ดีต้องป้องกัน ใช้สติในการดำเนินชีวิต ทุกจังหวะชีวิตนะครับ
แต่หากผิดพลาดแล้ว ต้องลืม ทบทวนให้เป็นแค่คำสอนเรา เดินหน้าต่อ อย่าให้ผิดซ้ำสองครับ
ทางสายเอก ทางพุทธช่วยได้ครับ
ใครเจ็บหนักๆ เอามาเป็นอุปกรณ์ เห็นธรรมะ มุ่งสู่จุดหมาย นิพพานไว แต่บางครั้งต้องอาศัยโค้ชดีๆ ตามวัดต่างๆ มีมากมายครับ โค้ชดีๆ

การแสดง เนื้อเรื่อง ดนตรีประกอบ สมบูรณ์แบบครับ
ทำไมนึกว่าหนังเรื่องนี้เหมาะแก่การสอนคนทำหนังยังไงก็ไม่รู้ นี่คิดเองคนเดียวนะครับ

ต้องตั้งใจดูนะครับ ห้ามวอกแวก แล้วจะพบหนังดีที่เดินเรื่องได้สุดยอด กลับไปกลับมาตลอดเรื่อง

สมเด็จพระสังฆราชเคยเทศน์ไว้ว่า ชีวิตนี้น้อยนัก แต่สำคัญนัก เพราะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างสองภพ กว่าจะเกิดเป็นคนนี่ยากมากนะครับ หมั่นทำความดีสะสมไว้ เพราะไม่แน่ว่าชาติหน้าจะได้เป็นคนอีกไหม ดังนั้นชีวิตในปัจจุบันนี้จึงสำคัญนัก

แม้ว่าเวลาตายน้ำหนักจะหายไป ๒๑ กรัม เท่ากันทุกคนก็ตาม แต่เสบียงที่ติดไปกับ ๒๑ กรัมที่หายไป น้ำหนักต่างกันครับ

เริ่มทำความดีตั้งวันนี้เลยนะครับ มีความสุขทุกคนครับ

ปล. เมื่อวันแรงงานแห่งชาติ ได้ไปร่วมพิธีเททองหล่อพระสังกัจจาย ที่วัดไผ่ล้อม อ.เสาไห้ จ.สระบุรี รับเอาส่วนบุญทุกคนนะครับ

Little Miss Sunshine : Unmissable Movie



เพิ่งส่งเรื่องนี้ให้เพื่อนไป ห้ามพลาดครับเรื่องนี้ สนใจยืมกันได้

ในบรรดาหนัง ๕ เรื่องที่เข้ารอบสุดท้าย ทั้ง
The departed ชอบ Infernal Affair อยู่แล้ว เลยไม่อยากดูตอนนี้ ขอทำใจก่อน
Babel ว่าจะดูแล้ว ชอบครับ ตัวละครหลายคนคล้าย Crash
The queen ที่ดารานำฝ่ายหญิงกวาดไปทุกเวที
มีของปู่คลิ้นส์อีกเรื่อง
แล้วก็เรื่องนี้ ที่อยากดูที่สุด

เรื่องนี้ดูเรื่องย่อที่คัทเอ้าท์หน้าโรงภาพยนตร์ คาดว่าจะถูกจริต เลยควานหามาดู
จนได้มา เห็นปกก็ชอบแล้ว สีเหลืองนำเลย ถูกใจชาวไทยในปีนี้

รูปปกเป็นฉากเด็ด เป็นฉากช่วยกันเข็นกระตุก แล้วกระโดดขึ้นรถ เห็นลุงแฟรงค์เสื้อขาว วิ่งไม่ค่อยทันรถ แต่พอต้องวิ่งไปสมัครให้หลาน วิ่งตัวปลิวเลย ได้ใจมากฉากนี้
คุณพ่อมาคุกเข่าขอสมัครเข้าไปอีก ได้ใจใหญ่เลย คิดว่าถ้าเป็นเราก็คงทำอย่างนี้นะ แต่ต้องซ้อมหน่อย ต้องมีบทพูดดีๆ เช่น "เราผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะแล้ว ได้โปรดเถอะ"
ไม่ใช่ไปหงุดหงิดใส่คนอื่นเหมือนที่เราชอบทำ อย่างนี้ไม่สำเร็จแน่

ฉากคุณปู่เสียไม่น่าเสียใจ แต่ฉากสาวน้อยอุทิศให้คุณปู่ ได้ใจครับ

ฉากลูกชายหายใบ้ก็เจ๋งครับ

หนังลื่นไหล ไม่มีสะดุดครับ
ไม่มีฉากเรียกน้ำตา คาดว่าเขาไม่ตั้งใจให้มี แต่หลายฉากดูแล้วอิ่มเอมใจ น่าจะดีกว่าฉากเรียกน้ำตาเป็นไหนๆ

การเดินทางมักทำให้เราพบสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้คนรอบข้าง เรียนรู้กันและกันมากขึ้น

หนังแนวนี้ชักมีให้เห็นบ่อยและก็ชอบเสียด้วย ที่นึกออกเรื่องหลังๆ คือ TranAmerica

แนวคิดหลักที่ได้จากหนัง คือ ความรักในครอบครัวมีความสำคัญมาก แม้ครอบครัวจะรวมตัวกันจากเหล่าบุคคลที่มีปัญหา แต่ความรักในครอบครัวสามารถหลอมเป็นเนื้อเดียวกันได้ ยิ่งมีจุดหมายเดียวกันเหมือนในเรื่องนี้ เป็นการสร้างสถานการณ์ให้รักและเข้าใจกันง่ายขึ้น

อาจไม่เหมาะกับเด็กเพราะมีคำหยาบและ เรื่องทางเพศอยู่บ้าง แต่ผู้ใหญ่ที่แยกแยะได้แล้ว น่าดูมาก
พวกมีครอบครัวที่เป็นพ่อแม่ก็น่าดู จะได้หัดสานฝันของลูกแบบครอบครัวนี้ จะได้บทเรียนรู้มากมายจากการตามฝันของลูก

ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ เป็นหนังในดวงใจของปีเลย (ต่อจาก Cars)

บนปกที่ผมได้มามีคำนิยมว่า Unmissable ซึ่งตรงใจผมจังเลยครับพี่น้อง

ปล. คะแนนในปัจจุบัน
ที่ IMDb 8.1/10 อยู่อันดับที่ 187 ใน Top 250
ที่ Rotten Tomatoes ให้ 92%

วันเสาร์ที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

Always : Sunset on third street 2 ต้องดูครับเรื่องนี้



ระดับความชอบ : ๙.๗๕/๑๐

เรื่องนี้ตอนภาคแรกประทับใจ แม้จะ ดูด้วย Pocket PC ซึ่งจอเล็ก แต่เนื้อเรื่องเจ๋งมาก

ภาคนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ดูไหม
แต่มีวันที่ไปหาหมอ เสร็จเร็ว เล็งเลยเรื่องนี้
ดูที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ครับ
จอใหญ่สะใจดีจัง
เสียงภาษาญี่ปุ่น ซับไทย
หนังยาว เรื่อยๆ ค่อยๆ ปูพื้น ตัวละครมากก็อย่างนี้แหละ

เนื่องจากหนังยาวและเรื่อยๆ พาลจะหลับเอาในช่วงแรก

ฉากหลังเป็นชุมชนในโตเกียว ในถนนสาย ๓ เป็นช่วงหลังสงครามโลก ค.ศ.๑๙๕๐
หนังแสดงให้เห็นว่า ทุกคนมีปมกับสงครามทั้งนั้น

ฉากบริหารต่อมน้ำตาคือ ฉากท่านประธานซูซูกิถามว่า บอกว่าหนังสือไม่ดี เคยอ่านหรือยัง ผมอ่านแล้ว แล้วทุกคนก็โชว์หนังสือที่ตัวเองซื้อมาหมดทุกคนเลย เจ๋งง่ะ ในฐานะนักอยากเขียนอย่างเรา ชอบมาก ฉากนี้ แอบมีน้ำตา ปลื้มแทนนักเขียน

ฉากที่ตามมาเป็นแบบปลอบประโลม ไม่เรียกน้ำตาแล้ว แต่ประทับใจจนตลอดเรื่อง
สุดยอดครับ

หลายตัวละครเกี่ยวร้อยกันได้อย่างลงตัว หนังไม่ลืมรายละเอียดต่างๆ เช่น ฉากมอบดินสอสี ชอบฉากนี้ เพราะปูเรื่องไว้ตอนต้นแล้ว

ภาคแรกที่ดู คุณชายลังเล นำไปเปรียบกับนิยายซีไรต์ ช่างสำราญ ผมลองดูแล้ว บรรยากาศคล้ายกัน เพียงแต่เปลี่ยนประเทศครับ

ความสัมพันธ์ที่ดี เป็นสิ่งงดงามจริงๆ

สรุปว่าต้องดูครับหนังเรื่องนี้ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ดูแล้วมีความสุขครับ

สุภาพบุรุษอัศวิน (The Knight in Rusty Amor) มาถอดเกราะกันเถอะ



ผู้แต่ง : Robert Fisher
ผู้แปล : นรนาถ เนรมิตนักรบ
สำนักพิมพ์ : Good Morning Publishing
พิมครั้งที่ ๑ : มีนาคม ๒๕๔๖
จำนวนหน้า : ๑๔๔ หน้า
ราคา : ๑๒๕ บาท
ระดับความชอบ : ๙/๑๐

หนังสือเล่มนี้เห็นเมื่อครั้งไปอบรมหลักสูตรสุนทรียสนทนา (Dialogue) ที่นครนายก โดยอาจารย์หรือในหลักสูตรนี้เรียกกระบวนกรท่านหนึ่งเอาให้ดู

ที่น่าสนใจคือหนังสือเล่มนี้มีคำนิยมเยอะมาก จากหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น นักการเมือง, นักแสดง, นักเขียน หรือนักธุรกิจ คำนิยมร่วม ๓๐ หน้าเลยทีเดียว มีขวัญใจเรา คือ จำลอง ฝั่งชลจิตร และ นนทรีย์ นิมิบุตร

เรื่องในเล่มเป็นนิยายเชิงเปรียบเทียบ
ชื่อภาษาอังกฤษจะสื่อเนื้อเรื่องมากกว่านะ
ต้องยอมรับว่าทุกคนมีเกราะ และหากสวมใส่นานก็จะขึ้นสนิม การถอดเกราะออก ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก

ตัวเอกในเรื่องไม่ถอดเกราะมาร่วมสิบปี โดยบอกว่าต้องเตรียมพร้อมรบ และเมื่อถึงเวลาจะถอด เพราะเมียกับลูกขู่จะแยกทางหากไม่ถอดเกราะออก แน่นอนถึงเวลาจะถอด ถอดไม่ออก

ขั้นตอนถอดเกราะจึงเริ่มขั้น ปรัชญาต่างๆ เริ่มที่นี่ครับ จริงๆ เริ่มตั้งแต่สัญลักษณ์เกราะแล้วครับ
การเห็นตัวเอง และเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา เป็นบทเรียนแรก ลองย้อนดูสิครับ เราสนใจสิ่งรอบข้าง คนรอบข้างมากน้อยขนาดไหน หากเราเริ่มสนใจ เราก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางสัจจธรรม เพื่อการถอดเกราะแล้วครับ

ในเรื่องมีปราสาท ๓ หลัง ที่อยู่บนเส้นทางสัจจธรรม คือ
๑. ปราสาทแห่งความเงียบสงบ
๒. ปราสาทแห่งความรู้
๓. ปราสาทแห่งความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ
ทั้งสามปราสาทต้องให้เราสำนึกตัวเอง มองย้อนดูตัวเองบ่อยๆ ถึงจะถอดเกราะออกได้ทีละชิ้นๆ

หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เอาไว้อ่านรอบเดียวครับ เพราะจะยังไม่รู้เรื่อง
แต่สำหรับชาวพุทธผมว่าคล้ายกับคำสอนพระพุ?ธองค์ ที่ให้เราหมั่นทบทวนตัวเอง อยู่กับตัวเอง และปัจจุบัน ให้มากที่สุด
การกระทำต่างๆ จะได้คิดอย่างถ้วนถี่ คิดถึงคนอื่น ตนเอง ก่อนที่จะทำอะไรลงไป แค่นี้ก็ถอดเกราะได้แล้วครับ

แต่หลายคนสิ สวมเกราะ บางครั้งเรียกหัวโขน มานาน จนขึ้นสนิม ถอดยาก
ที่แย่กว่านั้น บางคนยังไม่คิดจะถอดเลยครับ

หมั่นสำรวจตัวเองว่า เราเริ่มมีเกราะหรือยัง แม้เพิ่งเริ่มใส่ ก็หมั่นถอดนะครับ เดี๋ยวมันจะเป็นสนิม ถอดยากมากครับ

น่าอ่านครับเล่มนี้ ได้อะไรดีๆ เยอะทีเดียว

หายากหน่อยนะครับ เล่มที่อ่านนี่ มีคนสำเนาส่งมาให้ครับ ลองหาดู หาไม่ได้บอกมาครับ อยากให้อ่าน เพื่อถอดเกราะกันทุกคนครับ

นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา เล่มแรกที่ได้อ่านงานของทรงกลด (LIF#21)



ผู้เขียน : ก้อง คาร์ ไว = ทรงกลด บางยี่ขัน = KongKarWai@yahoo.com
สำนักพิมพ์ : a book
จำนวนหน้า : ๒๐๖ หน้้า
ราคา : ๑๖๐ บาท
ระดับความชอบ : ๘.๕/๑๐
เจ้าของหนังสือ : คุณ MagicApple

ไม่เคยอ่านผลงานของ ทรงกลด บางยี่ขัน เลยครับ
เคยได้ยินแต่ชื่อ ว่าเขาอยู่กับ a day วารสารช่างคิดเล่มนั้น
มาอ่านเล่มนี้เลยรู้ว่าเป็นนักจัดทัวร์ธรรมชาติ ในนามกลุ่ม "หิน ถาม ทาง" น่าสนใจดีนะ เห็นในคำนิยมบอกว่ามีกิจกรรมดำนาด้วย น่าสนๆ
วันก่อนเห็นหน้าคุณทรงกลดในหนังสือพิมพ์มติชน เห็นว่ากำลังรณรงค์เรื่องโลกร้อนอยู่

เห็นด้วยกับคำนิยมของ คุณวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ที่บอกว่าชื่อความเรียงในเล่มนี้เก๋ได้ใจจริงๆ เช่น โทรศัพท์ร้อยปี ไปรษณีย์ร้อยขาติ, ไม่มีสัญญาณตอบรัก, ฉนวนกันความรัก, น้ำหนักของความเศร้า เป็นต้น

ในเล่มนี้มี ๔๐ ความเรียง จากคอลัมน์ เสาร์สวัสดี ช่วงปี ๒๕๔๕-๒๕๔๖
โดยส่วนตัวชอบบท ตาขวาอิจฉาตาซ้าย น่ารักดี

บทแรกๆ ยังไม่โดนครับ
มาเริ่มได้ที่ตรงเรื่องไปรษณีย์นี่แหละครับ เพราะเราก็ชอบส่งโปสการ์ดแทนใจเหมือนกัน
ชอบตรงที่ใส่ที่อยู่คนรักว่า ในใจผม สุดยอดครับ น่ารักมาก

หลังจากนั้นเรื่องราวอืื่นๆ ก็ทะยอยมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถไฟ, การท่องเที่ยว, ชีวิตวัยเด็ก, บทคิดคำนึง ล้วนน่าสนใจ
ลีลาการเขียนน่าติดตาม และทำการบ้านมาดี ทำให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้น เช่น สายรถไฟเส้นที่สั้นที่สุดของประเทศไทย ที่ไปมหาชัย

มีพูดถึงเล่ม เจ้าชายน้อย บ่อยครั้ง ชักอยากจะหามาอ่านใหม่แล้วสิ ก็ครั้งที่แล้วอ่านไม่รู้เรื่องนี่นา

มีพูดถึงหนังหลายเรื่อง เช่น Over the Rainbow และที่หาอยู่ Chrismas in August ยังหาไม่ได้เสียที คุณ 'ปราย พันแสง ก็พูดถึงเรื่องนี้ หาที่ไหนหว่า ใครช่วยบอกที
มีเรื่องหนึ่งพูดถึงในบทสุดท้าย 21 grams เรื่องนี้มีในมือ หาจังหวะดูดีกว่า

สรุปว่า ก้อง คาร์ ไว เป็นนักคิดที่น่าติดตามอีกคนครับ ผมว่าทีม a book นี่ก็น่าสนใจดีนะ อ่านมาหลายเล่มแล้วเหมือนกัน
อีกทีมที่ชอบคือ ทีมทีวีบูรพา ครับ ตรงจริตดี

หาอ่านกันได้นะครับ โดยเฉพาะชาว LIF ยืมที่คุณ MagicApple ได้เลยครับ
ขอบคุณหนังสือดีๆ ในโครงการ LIF นะครับ
ผมรักโครงการนี้จังเลย

วันศุกร์ที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

หนังสือเล่มโปรด ๓ เล่ม

ลงไว้ในหนังสือโปรดจำนวน ๓ เล่ม เลยขอลงรายละเอียด ว่าทำไมโปรด
๑. เกาะโลมาสีน้ำเงิน



เล่มนี้อ่านเพราะสรรพคุณเหลือกำลังรับ เมื่อได้อ่านก็จมไปกับเกาะโลมาสีน้ำเงิน และการผจญภัยของเด็กน้อย อ่านเล่มนี้ใช้เวลาน้อยมาก แม้ช่วงหลังอ่านหนังสือช้าลงมาก อ่านแล้ววางไม่ลง จบไม่รู้ตัว มีหักมุมตอนหลังด้วย แนะนำให้อ่านครับ วันก่อนไปงานสัปดาห์หนังสือ ยังเชียร์คนข้างๆ ให้ซื้อเลยครับ

ชื่อหนังสือ : เกาะโลมาสีน้ำเงิน (Island of the Blue Dolphins)
หมวด : วรรณกรรม -- วรรณกรรมเยาวชน
ผู้แต่ง : Scott O Dell
ผู้แปล : วิลาวัณย์ ฤดีศานต์
จัดพิมพ์โดย : สนพ.มติชน พิมพ์ครั้งที่ ๕ : สำนักพิมพ์มติชน พฤศจิกายน ๒๕๔๗ กระดาษปอนด์เหลือง ปกอ่อน
จำนวนหน้า : 192 หน้า
ISBN : 974-322-866-7 " เกาะโลมาสีน้ำเงิน " แปลมาจาก Island of the Bule Dolphins แปลแล้วกว่า ๒๓ ภาษาทั่วโลก ๑ ใน ๑๐ วรรณกรรมเยาวชนยอดเยี่ยมในรอบ ๒๐๐ ปี สมาคมวรรณกรรมเยาวชนอเมริกา
รายละเอียดในมหาสมุทรแปซิฟิก มีเกาะอยู่แห่งหนึ่งมีรูปร่างเหมือนปลาตัวโตนอนอาบแดดอยู่ในทะเล รอบเกาะแห่งนี้มีโลมาสีน้ำเงิน นากทะเล แมวน้ำช้าง และนกทะเลมากมาย ครั้งหนึ่งชาวอินเดียนแดงเคยอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เมื่อพวกเขาอพยพออกจากเกาะไปอยู่ในที่แห่งใหม่ทางทิศตะวันออก เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกทิ้งไว้
นี่เป็นเรื่องราวของการานา เด็กหญิงชาวอินเดียนแดงที่อาศัยอยู่บนเกาะโลมาสีน้ำเงินคนเดียวเป็นเวลาหลายปี ปีแล้วปีเล่า เธอเฝ้าดูฤดูกาลผันผ่านและเฝ้าคอยให้เรือมารับเธอ แต่ตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะ เธอต้องสร้างที่พัก ทำอาวุธ หาอาหาร และต่อสู้กับหมาป่า ชีวิตของเธอไม่เพียงเป็นการผจญภัยเพื่อการอยู่รอดที่น่าประทับใจ แต่ยังเป็นเรื่องราวที่แสดงความงดงามของธรรมชาติและการค้นพบสิ่งสำคัญในชีวิต

๒. เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม


เล่มนี้ได้รับการแนะนำจากน้องคนหนึ่งซึ่งอ่านวรรณกรรมเยาวชนเป็นหลัก ส่วนทางผมก็แนะนำหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเล่มโปรดของผมไปนั่นคือ เกาะโลมาสีน้ำเงิน สุดท้ายการแลกเปลี่ยนหนังสือก็เกิดขึ้นผมได้รับมาสองเล่มคือ เล่มนี้ และ เทวดาที่โหล่ ส่วนผมเอาเกาะโลมาสีน้ำเงิน และ คิระ คิระ ไปแลก โดยแถม ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ของหนุ่มเมืองจันท์ ไปอีกเล่มเผื่อจะชอบเล่มนี้มีรางวัลซังเคเป็นเครื่องรับประกัน โดยรางวัลนี้น่าจะเป็นรางวัลเรื่องยอดนิยมของวัยรุ่นญี่ปุ่น จัดอยู่ในกลุ่ม Warm Heart ของ สำนักพิมพ์ JBook ได้มาก็เริ่มอ่านเลยคืนนั้น อ่านไปได้หนึ่งในสามเล่มในคืนแรก อีกสองวันก็อ่านจบ เป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียว แต่ไม่ค่อยชอบในช่วงแรกตรงเป็นเรื่องของการฆ่าตัวตาย โดยตัวเอกคือ เด็กชายโคบายาชิ มาโคโตะ อายุ ๑๔ ปี อยู่มอ ๓ ที่มีปัญหาชีวิตจนต้องกินยานอนหลับฆ่าตัวตาย เนื่องจากพ่อเห็นแก่ตัว แม่ตกงาน พี่ชายเย็นชา หนำซ้ำสาวที่ตนชอบก็มีพฤติกรรมน่าละอาย และ เพื่อนก็ไม่มีใครคบ โดยคืนสุดท้ายก่อนทานยา ทุกคนต่างแสดงสิ่งทำให้มาโคโตะต้องตัดสินใจฆ่าตัวตายในคืนสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ, แม่ และ สาวคนที่ตนชอบแต่สวรรค์ก็เล่นตลก ล้างสมองมาโคโตะ แล้วปล่อยกลับมาเกิดอีกครั้งในร่างเดิมโดยไม่บอกเจ้าตัวที่เป็นวิญญานว่าตัวเองเป็นใคร เพียงแต่บอกว่าให้เกิดในร่างมาโคโตะ เป็นโฮมสเตย์แล้วหาทางระลึกชาติและแก้บาปที่ตัวเองสร้างเอาไว้ จากนั้นก็จะกลับมาเตรียมพร้อมเกิดใหม่ สิ่งที่วิญญานเรียนรู้คือคนรอบข้างของมาโคโตะที่เดิมคิดว่าไม่ดี ล้วนมีเหตุผลและด้านดีในการกระทำ เนื่องจากการฟื้นของมาโคโตะทำให้ทุกคนรอบข้างเหล่านั้นรีบแสดงตัวตนออกมา และวิญญานที่คิดว่าตนเป็นคนนอกจึงสัมผัสได้อย่างง่ายดาย แถมยังคิดว่ามาโคโตะควรจะรู้เรื่องพวกนี้อีกด้วย สรุปแล้วทุกคนไม่ได้ไม่ดีเสียทั้งหมด หากเราพิจารณาและเข้าใจถ่องแท้จะเห็นด้านดีของแต่ละคน เรื่องนี้ภาษาอังกฤษชื่อ Colorful เนื่องจากอยากให้มองคนในหลายมุมจะได้สีมากขึ้น มากกว่าสีดำและสีขาวจนสุดท้ายมาโคโตะก็สามารถระลึกชาติได้ และก็รู้ว่าตัวเองคือวิญญานของมาโคโตะ และบาปคือเป็นฆาตกรฆ่าตัวเอง เรื่องไม่จบแค่นั้น มาโคโตะเริ่มกลัวที่จะเป็นตัวเอง เพราะเขามองอย่างคนนอกมาโดยตลอด ปูระปูระซึ่งเป็นเทวดานำทางก็ให้คำเด็ด คือ "คิดเสียว่าไปโฮมสเตย์อีกครั้งแล้วกันครับ" "ถ้าคุณไปอยู่ในโลกข้างล่างแล้วรู้สึกทุกข์ใจ ลองนึกถึงช่วงระยะเวลาสี่เดือนของการแก้ตัว นึกถึงความรู้สึกว่าคุณทำอะไรได้โดยอิสระ ไม่ต้องผูกมัดตัวเองด้วยมือตัวเอง รวมทั้งนึกถึงผู้คนที่ได้ช่วยเหลือคุณไว้ด้วย" ผมถือว่าคำนี้เป็นคำสำคัญเพราะตอนเป็นโฮมสเตย์ วิญญานทำอะไรก็ได้ ไม่ยึดติด เพราะคิดว่าเป็นเรื่องของคนอื่น เงินของมาโคโตะวิญญานก็นำไปซื้อรองเท้าอย่างไม่เสียดาย แต่กลับเสียดายเมื่อรู้ว่าตัวเองคือมาโคโตะ ดังนั้นหากเราสามารถมองตัวเองอย่างคนอื่นได้ การยึดมั่นถือมั่นจะไม่มี เหมือนการแยกจิตออกมามองร่างตัวเอง เราจะรู้ว่าร่างกาย และ สิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบันเป็นเพียงสิ่งที่เรายืมมาใช้เท่านั้นสิ่งหนึ่งที่เห็นในสังคมญี่ปุ่นที่ไม่ดี เช่นความฟุ้งเฟ้อของเด็กผู้หญิงมอสองจนต้องทำอะไรที่ไม่น่าทำ แต่ก็เป็นความจริงในสังคมปัจจุบัน เริ่องเขียนดีมากและให้แง่คิดที่ดี คนที่เหมาะจะอ่านเรื่องนี้ที่สุดคือคนซึมเศร้า และ กำลังคิดจะฆ่าตัวตายครับ เผื่อจะล้มเลิกความคิด หากเขาหัดเป็นคนอื่นที่มองตัวเองและไปโฮมสเตย์ในบ้านตัวเองดูบ้าง

๓. โต๊ะ โตะ จัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง
มุกเด็ดๆ จากหนังสือโต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง
เมื่อวานได้หนังสือ นางสาวโต๊ะโตะ มา เลยนึกถึงโต๊ะโตะจังขึ้นมา มีมุกมากมายที่เอาไปใช้เลี้ยงลูกได้ เช่น
1. การฟังลูกพูดเป็นเวลานานๆ เหมือนคุณครูใหญ่ฟังโต๊ะโตะจัง 4 ชั่วโมงในวันแรกที่พบกัน เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรฝึก
2. การให้เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงชั้น ป.1 แก้ผ้าอาบน้ำในสระเพื่อให้เห็นสรีระและความแตกต่างกันระหว่างเพศ
3. การกางเต้นท์ในหอประชุม (เราเอามากางในบ้านก็ได้)
4. การเอาตู้รถไฟเก่ามาทำห้องเรียน (เราสร้างบรรยากาศได้)
5. การร้องเพลงเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกินข้าว ได้ทั้งความสนุก และสอนเรื่องการเคี้ยว
6. การกินอาหารให้ครบด้วยคำว่า อาหารจากทะเล (ปลา และของแห้งต่างๆ เช่น กุ้ง, หอย และปลาตัวเล็กๆ ต้มกับซีอิ้วและน้ำตาล เคี่ยวจนงวด เก็บไว้รับประทานได้นาน) กับ อาหารจากภูเขา (ผัก, เนื้อสัตว์)
7. เริ่มเรียนวิชาอะไรก็ได้ในแต่ละวัน โดยครูเขียนรายการวิชาในกระดาน แล้วเด็กลำดับการเรียนเอาเอง แต่ให้ครบ ใครติดอะไรไปถามครู (Child Center ใช่ไหมเนี่ย)
8. มีการเรียนวิชา "ประกอบจังหวะ" ของ ดัลโครซ (ซึ่งคงต้องหาข้อมูลต่อ)ส่วนอื่นๆ ที่ประทับใจเช่นการช่วยเพื่อนที่พิการปีนต้นไม้น่าอ่านมากสำหรับ โต๊ะโตะจังฯใครมีจุดประทับใจอื่น เล่าให้ฟังกันบ้างครับ

จบครับสำหรับหนังสือเล่มโปรด มีเล่มไหนโปรดปราน บอกกันบ้างนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

บอกเล่าเก้าสิบ ณ วันแรงงานแห่งชาติ

เนื่องจากช่วงสงกรานต์ไม่ได้ไปไหน มีเวลามาก เลยอ่านหนังสือและดูหนังไปจำนวนหนึ่ง
เริ่มจากหนังสือซีไรต์ ความสุขของกะทิ ยังไม่ค่อยหนำใจเท่าไหร่เลยอ่าน ตอนตามหาพระจันทร์ ต่อเลย โดนครับเล่มนี้ รอดูหนังอยู่เหมือนกัน
ส่วนหนังนี่กวาดเรื่องที่ซื้อมาเก็บไว้เริ่มจาก The Queen รางวัลดารานำออสการ์ สมราคาครับ
เมื่อมีฝ่ายหญิง ก็ต้องมีฝ่ายชาย เลยดูเรื่อง The Last King of Scotland เสียด้วยเลย นี่ก็ออสการ์ เล่นกันประมาณว่าเกิดมาเป็นตัวละครตัวนี้เลย สุดยอดจริงๆ
ต่อด้วยหนังแสบ BORAT กัด'กันเห็นๆ เวลาดูไม่ก๊าก แต่ฮาครับ
มีลงเรื่อง โปงลางสะดิ้งฯ ที่ต้องดูถึงสองรอบถึงจะเขียนถึงได้ เชียร์กันหน่อยครับพี่น้อง หนังไทยเนี่ย
ปิดท้ายด้วยหนังสุดประทับใจ The Doctor เข้าไปอ่านดูนะครับ ว่าทำไมถึงชอบ โดยเฉพาะคนเป็นหมอ ต้องดูครับ

ตอนนี้เลยคึกเอาหนังจีนชุด ดาบมังกรหยก ที่ยืมเพื่อนมาดู สงสัยใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะจบ
มีอีกแผ่นที่ได้ดูแล้วชอบ คือ คอนเสิร์ตบาวเบญจเพส ที่ซื้อเพราะมีโฆษณา ตูน บอดี้สแลม และ อัสนี โชติกุลพอเอามาดู มีช่วงดีๆ มากมาย คอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่แหกปากร้องได้แทบทุกเพลง บางเพลงย้อนคิดถึงตอนวัยละอ่อน ดูละเอียดรอบสอง ได้ฟังเพลงน้าเป้า อำนาจ ลูกจันทร์ ร้องเพลงแบบด้นสด ชอบมากครับรักคาราบาวจัง ใครจะว่าอย่างไร นี่คือวงดนตรีที่บันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ได้ดีมากหลังสุดชอบเพลง พระยอม เณรไม่ยอม โดนดีครับ

ใครอยู่หาดใหญ่อย่าลืมไปทาน ร้านข้าวผัดไทยไชโย ร้านเพื่อนผมเองครับ

ที่รอจะลงอยู่สองบล็อค คือ ภูกระดึง และ เขาคิชฌกูฏ ครับ รูปมันเยอะต้องใช้เวลาหน่อย โปรดติดตามครับ

มีหนังอีก ๓ เรื่องมาเพิ่ม คือ Always2 เรื่องนี้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงGOAL! เรื่องนี้เฉยๆ ครับ อีกเรื่องคือ FEARLESS เรื่องนี้น่าดูครับ

มีความสุขทุกคนครับ