วันจันทร์ที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

50/50

ครึ่งๆ




กำกับ : Jonathan Levine
เขียนบท : Will Reiser
นำแสดง : Joseph Gordon-Levitt, Seth Rogen, Anna Kendrick
ความยาว : 100 นาที
ระดับความชอบ : 9.25/10

เห็นหลายคนพูดถึง ตอนแรกก็ไม่สนใจ บ่อยเข้าๆ เลยชักสนใจ สุดท้ายเข้าไปดูคะแนน สูงทีเดียว
ก็เลยตัดสินใจไปชม เหลือแต่ที่ House Rama ที่เดียว

ชวนน้องสาวที่มาจากต่างจังหวัดไปดูด้วยกัน
หนังดูคึกคัก เพลงประกอบก็เร้าใจดี
บทพูดเยอะทีเดียว

พระเอกทำงานด้านสารคดีแผนกเสียง มีแฟนเป็นนักวาดรูป มีเพื่อนสนิทที่ทำงานเดียวกันที่ปากไม่ค่อยดี โฉ่งฉ่าง แต่รักจริง
ส่วนแฟนสาวที่อยู่ด้วยกันเอาใจออกห่างแล้วสุดท้ายก็ปันใจเพื่อความก้าวหน้าในงาน
ก็ได้เจ้าเพื่อนปากเสียนี่แหละที่ช่วยทำลายรูปวาดเพื่อลืมเธอ
ชอบฉากพระเอกหิ้วเพื่อนมาส่ง แล้วแอบเห็นหนังสือที่เพื่อนอ่านแล้วอึ้ง เพราะทั้งพับและขีดเน้นคำ
เล่มที่อ่านคือการรักษาโรคมะเร็ง

พระเอกเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลังชนิดที่รักษายาก แม้แต่ชื่อโรคยังเรียกยากเลย
หนังมีอารมณ์ขันเป็นระยะๆ และเศร้าแบบหนังชีวิตเป็นสัดส่วน 50/50
เมื่อทราบผลพระเอกก็บอกทุกคน คนที่บอกเป็นเรื่องเป็นราวที่สุดคือคุณแม่ เพราะพระเอกเห็นว่าคุณแม่มักจะตกใจแล้วจะโวยวายกับเรื่องต่างๆ อีกอย่างเธอต้องดูแลสามี (พ่อพระเอก) ที่เป็นโรคความจำเสื่อม
เมื่อเธอบอกว่าจะมาดูแลที่บ้านพระเอก เขาก็เลยปฏิเสธ โดยผู้ที่รับอาสาดูแลคือแฟนสาว

พระเอกขับรถไม่เป็น แฟนเลยต้องไปส่งทำเคมีบำบัด แต่ไม่เธอไม่เข้าโรงพยาบาลด้วยโดยให้เหตุผลว่ากลัวภาพในโรงพยาบาลจะทำลายจินตนาการในการวาดรูปของเธอ
พระเอกจึงใช้วิธีโทร.เรียกเมื่อทำคีโมเสร็จ
ครั้งหลังๆ จะมีการมารับช้ามาก แต่พระเอกก็รับได้

ในห้องคีโมจะมีเพื่อนที่ต้องมาบำบัดด้วยกัน 2 คน ซึ่งล้วนสูงอายุ บทสนทนากันระหว่าง 3 คน เป็นธรรมชาติดีมากครับ ปูเรื่องได้ดี ฉากพระเอกและเพื่อนไปเยี่ยมบ้านของเพื่อนผู้สูงวัย ดูเขามีความสุขและอาการดูดีขึ้น แต่เขาก็ตายในเวลาต่อมา

ในช่วงที่เข้าทำเคมีบำบัด พระเอกต้องไปพบจิตแพทย์มือใหม่ สุดท้ายก็ผลัดกันรักษาแบบ 50/50
ชอบมุกจิตแพทย์ที่เพิ่งเลิกกับแฟน แล้วยังวนเวียนเข้าไปดูใน Facebook ของแฟนเก่า เพื่อดูความเคลื่อนไหวของเขา จะว่าไปหลายคนก็คงเป็นแบบนี้นะในปัจจุบัน

ภาพในใบปะหนังเป็นฉากที่พระเอกเอาบัตตาเลี่ยนโกนหัว ยังไม่วายมีมุกตลกมากมายในฉากนี้
หนังเรื่องนี้จะให้น้ำหนักระหว่างหนังชีวิตกับหนังตลกในระดับ 50/50

สุดท้ายคนที่มาดูแลคือคุณแม่ ประโยคที่พระเอกถาม “ทำไมผมไม่รู้ว่าแม่เข้ากลุ่มบำบัด?” “ก็ลูกไม่เคยโทรกลับเลย” แม่ตอบ ทำเอาสะอึกกันไปเลยครับ
ฉากร่ำลาพ่อ แม่ และเพื่อนก่อนเข้าไปผ่าตัด เรียกน้ำตาคนที่นั่งข้างๆ ผมไปเสียยกใหญ่ ไม่ใช่น้องสาวผมนะครับ แต่เป็นใครไม่รู้ จากอาการสะเอื้อน เธอร้องไห้ครับ เล่นเอาผมตารื้นไปเหมือนกัน
แต่ผมกลับชอบประโยคของเพื่อนรัก “ทำไมหมอไม่พูดประโยคหลังนี่ก่อน” เมื่อหมอแจ้งออกมาแจ้งว่าพระเอกปลอดภัย

หนังเรื่องนี้แข็งแรงในแนวคิด 50/50
คนเราไม่มีอะไรเป็น 100/0 หรอกครับ
คนรักเรา คนเกลียดเรา ก็มีประมาณ 50/50
ความสุขกับความทุกข์ก็ประมาณ 50/50
ข่าวดีกับข่าวร้าย ก็ 50/50
ยิ่งทบทวน ก็ยิ่งชอบหนังเรื่องนี้ครับ เล่นกับสัดส่วน 50/50 ได้ลงตัวจริงๆ

ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับชีวิตนี้
มันแค่ 50/50 เท่านั้นเอง
ดังนั้นไม่ต้องยึดติดครับ เพราะยังเหลืออีกตั้งครึ่ง

มีความสุขทุกคนครับ

ไม่มีความคิดเห็น: