วันอังคารที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

Star Trek Into Darkness


 ภาระกิจของยาน Enterprise


กำกับ : J.J. Abrams 
เขียนบท : Roberto Orci, Alex Kurtzman, Damon Lindelof, Gene Roddenberry (television series "Star Trek")
นำแสดง : Chris Pine, Zachary Quinto, Zoe Saldana 
ความยาว : 132 นาที
ระดับความชอบ : 8.5/10

ได้ชมภาคที่มาทำใหม่เมื่อปี 2009 ก็ประทับใจในเนื้อเรื่องนะ
คนที่ไปชมภาคนี้มาชื่นชมมากกว่าภาคที่แล้วทุกคน บางคนให้คะแนนเต็มเลยทีเดียว!
ไม่รอด เราเลยไปชมเสียให้รู้กันไป

โดย ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบหนัง Sci-Fi พวกดวงดาว ยานอวกาศนี่ไม่ค่อยถูกกันเลย เคยซื้อแผ่น Star War มาครบชุด ยังไม่ได้ดู ยกให้คนอื่นไปแล้ว 

สำหรับ Star Trek ก็เช่นกัน ในภาคที่แล้วชอบประเด็นการไปเปลี่ยนอดีต ที่ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ปัจจุบันนี่แหละทำให้ดีที่สุด
ภาค นี้เปิดตัวกันด้วยภาระกิจช่วยคนบนดาวดวงหนึ่งให้รอดพ้นจากภูเขาไฟระเบิด แต่ Spock ที่ต้องลงไปทำภาระกิจในปล่องภูเขาไฟทำท่าจะติดอยู่ในนั้น กัปตัน Kirk ตัดสินใจนำยาน Enterprise ขึ้นจากใต้น้ำเพื่อช่วยเพื่อน ซึ่งการทำให้ชาวดาวอื่นเห็นยานอวกาศถือเป็นการผิดกฎ 
Spock รายงานเรื่องนี้ตามความเป็นจริง ชาววัลแคนไม่เคยพูดโกหก 
แล้ว Kirk ก็โดนปลดจากการเป็นกัปตัน

แต่แล้วสถานการณ์ก็ทำให้ Kirk ขอกลับมาเป็นกัปตัน โดยให้ Spock เป็นต้นหนเช่นเดิม เพื่อล่าฆาตกรเป็นการล้างแค้น
ภาระกิจก็เลยเริ่มแล้วก็สนุกตลอดเรื่องเลย
ความที่เป็นหนัง Sci-Fi จินตนาการในอนาคตที่ต่างจากปัจจุบันจึงมีอยู่เยอะ
ผมดูแบบธรรมดา หากดูแบบ 3D หรือ IMAX คงหลบกันวุ่นวายซึ่งคงสนุกเพิ่มขึ้นอีกเยอะ

ความเป็นผู้นำของกัปตัน Kirk มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง Spock ที่ทำอะไรตามกฎ ไร้อารมณ์ คราวนี้มีเรื่องที่ต่างไปให้เห็น ชอบจังเลย

ความตื่นเต้น ดนตรี ภาพที่ออกมา มีครบเลยครับ
ความกลับไปกลับมาระหว่างตัวร้ายและตัวดี ถือเป็นความเหนือชั้นของเนื้อเรื่อง

ชอบตอนท้ายที่บอกภาระกิจของยาน Enterprise ชัดเจนและมีความหมายดีจัง

ผู้กำกับคนนี้จะทำ Star Wars ภาคต่อไป อาจจะทำให้ชอบ Star Wars ขึ้นมาบ้าง
ก่อนอื่นเอา Super 8 ที่เป็นงานของเขามาดูก่อนดีกว่า

ใครชอบหนังแนวนี้เป็นทุนเดิม รับรองว่าต้องชอบเรื่องนี้

มีความสุขทุกคนครับ

วันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖

Munich


คุณตัดเล็บทำไม?


กำกับ : Steven Spielberg
เขียนบท : Tony Kushner (screenplay), Eric Roth (screenplay), George Jonas (book "Vengeance: The True Story of an Israeli Counter-Terrorist Team")
นำแสดง : Eric Bana, Daniel Craig, Marie-Josée Croze
ความยาว : 164 นาที
ระดับความชอบ : 8.5/10

เป็นหนังของพ่อมด Hollywood Steven Spielberg ที่เลือกทำหนังหนักบ้าง นอกจากหนังสนุกทำเงิน 
โดยปกติหนังของ Spielberg จะดูง่าย ด้วยเขาเข้าใจตลาดในวงกว้าง หนังของเขาจึงทำเงินมากมายทุกที

Munich เรื่องนี้เข้าขั้นหนังรางวัล เป็นตัวเลือกในหลายรางวัลเลยทีเดียว แต่ก็ยังไม่ได้ชมเสียที

มาเห็นร้านเช่าหนังเจ้าประจำกำลังลดราคาแผ่นเพราะจะเลิกกิจการ เข้าไปเดินชมเลยได้แผ่นนี้กลับบ้าน
เมื่อได้เปิดชมก็ได้เห็นความรุนแรงของการเอาคืนกัน
แต่หนังเรื่องนี้ก็มีจุดยืนชัดเจนในการนำเสนอ Spielberg วิพากษ์การกระทำครั้งนี้ผ่านพระเอกว่าการทำอย่างนี้ไม่ดีเลย สงครามไม่มีทางจบแน่หากไม่ให้อภัยกัน
ประโยคเด็ดที่ทำให้เห็นว่าการยุติสงครามในโลกนี้ยากเข้าไปอีกเมื่อผู้สั่งให้พระเอกทำงานนี้พูดว่า "ถ้าอย่างนั้นคุณตัดเล็บทำไม?" ตัดไปก็งอกมาอีก ก็ตัดอีก 
เหมือนคู่ต่อกรที่จัดการไปก็จะมีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ก็จัดการกันต่อไปเรื่อยๆ 
ฟังแล้วอึ้งทั้งพระเอกและคนดู

ชอบหนังเรื่องนี้ในฉากที่พระเอกโทรศัพท์หาภรรยาและลูก น้ำตาของคนเป็นพ่อพร่างพรูออกมาอย่างน่าสงสาร
นำไปสู่ฉากโดนสาวสวยนักฆ่าที่ยั่วพระเอกจนเกือบตกหลุม แต่พระเอกปฏิเสธ เป็นฉากที่เห็นน้อยมากในหนังฝรั่ง 
ชื่นชมความเป็นพ่อของพระเอกครับ

อีกฉากที่เห็นเยอะคือผู้ไม่รู้เรื่องมักโดนลูกหลงจากปฏิบัติการของทีมพระเอก และชีวิตจริงก็เป็นเช่นนั้น ความโหดร้ายของสงครามอยู่ตรงนี้แหละครับ

จุดเริ่มของเรื่องเกิดที่ Munich แต่การล้างแค้นเอาคืนเกิดไปทั่ว และดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
ก็ได้แต่หวังและภาวนาถึงสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลกในเร็ววัน
แม้จะมีความหวังน้อย แต่ก็ต้องเรียกร้องกันต่อไปครับสำหรับสันติภาพ
ต้องให้อภัยและมอบความรักต่อกันเท่านั้น สันติภาพถึงจะเกิดขึ้นได้
เริ่มจากตัวเรา หมั่นให้อภัย โดยเฉพาะให้อภัยตัวเราเอง 

ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันทั้งนั้น จะเช่นฆ่ากันไปไย เดี๋ยวก็ตายจากกันแล้ว

มีความสุขทุกคนครับ

ปล. เอา Quotes มาฝาก
Ephraim: You think you were the only team? It's a big operation, you were only a part. Does that assuage your guilt?
Avner: Did we accomplish anything at all? Every man we killed has been replaced by worse.
Ephraim: Why cut my finger nails? They'll grow back.
Avner: Did we kill to replace the terrorist leadership or the Palestinian leadership? You tell me what we've done!
Ephraim: You killed them for the sake of a country you now choose to abandon. The country your mother and father built, that you were born into. You killed them for Munich, for the future, for peace.
Avner: There's no peace at the end of this no matter what you believe. You know this is true.

In My Father's Den


Drama ระดับเจ้าป้าจาก New Zealand 


กำกับ : Brad McGann
เขียนบท : Maurice Gee (novel), Brad McGann (screenplay)
นำแสดง : Matthew Macfadyen, Miranda Otto, Emily Barclay 
ความยาว : 127 นาที
ระดับความชอบ : 9/10

เรื่องเริ่มต้นเมื่อ Paul กลับมาบ้านเกิดที่ New Zealand หลังจากออกจากบ้านไปใช้ชีวิตตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น จนสุดท้ายเป็นนักข่าวสงครามที่มีชื่อเสียง
เมื่อมาถึงบ้านน้องชาย ทุกคนไม่คิดว่าเขาจะมา เพราะเขาหายไปร่วมยี่สิบปี

แล้วเรื่องราวต่างๆ ก็เริ่มทะยอยเล่าออกมาแบบไม่เรียงลำดับเวลา แต่เข้าใจได้ไม่ยาก 

ภาพบรรยากาศในเรื่องสวยงามมาก เป็นชุมชนเชิงเขาที่น่ารัก ขับมอเตอร์ไซด์ข้ามลำน้ำ ดูแล้วน่าอยู่ มีสวนดอกไม้ในหลายฉากสวยงามมาก 
เพลงประกอบก็ถูกที่ถูกเวลา ชอบในหลายเพลง

ในส่วนเนื้อเรื่องต้องบอกว่าแรงมาก แต่ผู้กำกับก็ควบคุมให้อยู่ในโทนที่น่าชม ไม่บีบคั้นใดๆ เก่งทีเดียว

เรื่องราวในห้องเล็กของพ่อเรื่องนี้มีปมอยู่ในช่วงตอนท้าย โดยปูเรื่องมาได้อย่างแนบเนียน เล่นเอาเดาผิดไปเลย 
ดูจบต้องบอกว่า Drama ระดับเจ้าป้า Pedro Almodóvar นั่นเลยทีเดียว

ครอบครัวนี้มีลูกชาย 2 คน คนโตสนิทกับพ่อที่ไม่เคร่งศาสนา ส่วนคนน้องสนิทกับแม่ที่เคร่งศาสนามาก 
พ่อกับ Paul ลูกชายคนโตมักมีโลกส่วนตัวกันในห้องเล็กที่เต็มไปด้วยหนังสือ พ่อมักอ่านหนังสือให้ลูกชายฟัง หล่อหลอมจนเขาเป็นนักเขียน
แล้วจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อลูกชายคนโตพาแฟนสาวมาในห้องเล็กห้องนี้ กำลังจูจี๋กัน พ่อก็เข้ามาเห็นพอดี
จุดแตกหักก็รุนแรงจนยากที่ Paul จะทนได้ เขาเลยออกจากบ้านไปในตอนอายุ 16 ปี
หนังค่อยๆ เฉลยปมอย่างมีชั้นเชิง สุดยอดครับ

หนังเรื่องนี้และของเจ้าป้าเป็นประเภทเอาไว้ดูแต่ห้ามทำตาม เพราะจะมีผลร้ายตามมา หากเรายอมแพ้กิเลสแล้วทำตามในสิ่งที่มันสร้างขึ้นมายั่วยุเรา ผลลัพธ์ก็จะเป็นเหมือนในหนัง ซึ่งหนักมาก รับได้ยาก

แม้หนังจะแรงแต่มีข้อคิดสอนใจมากมายทีเดียว

มีความสุขทุกคนครับ

วันอาทิตย์ที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

ลำดับความชอบของภาพยนตร์ที่ผมได้ชมในปี 2555

เป็นปีที่ชมภาพยนตร์เยอะมาก และส่วนใหญ่ได้ดูในโรงภาพยนตร์ เป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิตกรุงเทพฯ 
ลงให้ชมนะครับสำหรับ 72 เรื่องที่ได้ชมและเขียนถึง ตรงใจกันบ้างหรือเปล่าครับ?

ลำดับที่วันลง Blogชื่อเรื่องคะแนน
121/7/2012The Dark Knight Rises
10
25/2/2012A Separation
9.75
37/3/2012The Artist
9.75
428/12/2012Life of Pi
9.5
55/12/2012Now Is Good
9.5
622/9/2012Intouchables
9.5
74/9/2012Invictus
9.5
812/7/2012To Kill a Mockingbird
9.5
930/3/2012Still Walking
9.5
1027/2/2012Moneyball
9.5
1127/2/2012The Descendants
9.5
122/6/2012It's a Wonderful Life
9.5
1327/11/2012Summer Wars
9.25
1411/11/2012The Prestige 
9.25
1527/9/2012Gran Torino
9.25
1616/12/2012เถียนมีมี่ 3650 วัน ฉันรักเธอ
9
171/12/2012Seven Samurai (1954)
9
189/10/2012Amadeus
9
1918/8/2012A Simple Life
9
207/8/2012Changeling
9
2120/7/2012The Illusionist
9
2226/5/2012The Return
9
2321/5/2012Always : Sunset on the third street 3
9
2412/4/2012Millennium Actress
9
2511/3/2012Beginners
9
265/3/2012The girl who leapt through the time
9
2719/1/2012Midnight in Paris
9
2819/1/2012เรื่องตลก 69
9
2914/1/2012ศพไม่เงียบ
9
3011/11/2012The Perks of Being a Wallflower
8.75
3127/8/2012Almost Famous
8.75
3227/1/2012กังฟูแพนด้า 2
8.75
3321/11/2012Argo
8.5
3412/9/2012
8.5
3511/9/2012United
8.5
3615/7/2012Red Dog
8.5
3726/6/2012Moonrise Kingdom
8.5
3823/5/2012Paprika
8.5
3917/5/2012Warrior
8.5
401/5/2012Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ
8.5
416/4/2012I Wish
8.5
4214/3/2012Puss in Boots
8.5
4318/2/2012After Life
8.5
4414/2/2012April Story
8.5
4524/1/2012Tinker Tailor Soldier Spy
8.5
4620/1/2012เขาชื่อกานต์
8.5
4714/1/2012Sherlock Holmes : A Game of Shadows
8.5
489/1/2012Jiro Dreams of Sushi
8.5
495/6/2012The Triplets of Belleville
8.5
5025/11/2012Wolf Children
8.25
5122/9/2012ปาดังเบซาร์
8.25
526/7/2012Detachment
8.25
537/3/2012Hugo
8.25
5415/2/2012Rango
8.25
557/1/2012The Adventures of Tintin
8.25
566/1/2012How Do You Know
8.25
5712/12/2012The Master
8
5815/8/2012รัก 7 ปี ดี 7 หน
8
5930/6/2012Madagascar 3 : Europe's Most Wanted
8
6021/6/2012สถานี 4 ภาค
8
6117/6/2012I Miss You รักฉันอย่าคิดถึงฉัน
8
629/5/2012From Up On Poppy Hill
8
6317/4/2012The Skin I Live In
8
648/4/2012The Hangover
8
6516/3/2012ไม่ได้ขอให้มารัก
8
667/3/2012The Tree of Life
8
6727/12/2012นมัสเตอินเดีย ส่งเกรียนไปเรียนพุทธ
7.75
6815/12/2012Cloud Atlas
7.75
6915/1/2012Hi-So
7.75
707/11/2012ยักษ์
7.5
7128/10/2012You're my pet
7.5
7228/7/2012Big Miracle
7.5

Silver Linings Playbook


โรคร้ายหายได้ด้วยความรัก


กำกับ : David O. Russell
เขียนบท : David O. Russell (screenplay), Matthew Quick (novel)
นำแสดง : Bradley Cooper, Jennifer Lawrence, Robert De Niro, Jacki Weaver
ความยาว : 122 นาที
ระดับความชอบ : 9.75/10

เคยได้ยินเวลาถามคนบ้าว่า "คุณบ้าหรือเปล่า?" แล้วได้รับคำตอบว่า "ไม่บ้า" ไหมครับ?
นั่นคือคนที่ป่วยมักจะไม่รู้ตัวเองว่าเป็นโรคทางจิต จนเจอจุดเปลี่ยนแรงๆ ถึงจะคิดขึ้นได้และกลับเป็นปกติ

พระเอกเป็นโรคไบโพลาร์ เป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่ง ผมนึกเอาเองว่าสมัยก่อนคงเรียกง่ายๆ ว่าคนบ้านั่นแหละครับ 
เพียงแต่ไม่บ้าตลอดเวลา จะบ้าตอนที่เจอเหตุการณ์ สิ่งของ หรือสภาวะที่เรียกความทรงจำแห่งความเจ็บปวดนั้นมา

พระเอกเป็นโรคนี้เพราะกลับมาบ้านแล้วเจอภรรยาอาบน้ำกับชายชู้ในอ่างอาบน้ำ ในเวลานั้นเปิดเพลงแต่งงานอยู่
คุณคิดว่าชายใดจะทนได้?
หนุ่มฟิลาเดลเฟียคนนี้ก็เช่นกัน อัดชายคนนั้นเสียไม่ยั้ง สุดท้ายโดนจับ แถมเป็นโรคไบโพลาร์แถมมาอีก 
เมื่อไหร่ได้ยินเพลงแต่งงานเพลงนี้ ได้เรื่อง สัญญาในหัวมาทันที บ้าฉับพลัน

พระเอกโดนบำบัดในโรงพยาบาลอยู่แปดเดือนตามคำสั่งศาล หลังจากนั้นคุณแม่ไปประกันตัวออกมา
คุณพ่อพระเอกชอบเล่นพนันบอล (อเมริกันฟุตบอล) กับเพื่อน พ่ออยากให้ลูกชายนั่งเชียร์ที่บ้านเพราะเชื่อว่าเป็นตัวนำโชคให้ทีมฟิลาเดลเฟีย อีเกิ้ล ชนะ
แต่ลึกๆ อยากสร้างความสัมพันธ์กับลูกชาย หนังเอาประเด็นนี้มาแบบทีเล่นทีจริงจนไม่แน่ใจว่าคุณพ่อคิดยังไงกันแน่ แต่ผมก็ชอบที่ทำออกมาแบบนี้นะ ได้คิดต่อ

นางเอกเพิ่งสูญเสียคนรักมา แล้วเธอก็มีความเหงาจนกลายเป็นหญิงเริงเมือง
แต่เธอก็มาเจอพระเอกที่บ้าพอกัน ฉากสนทนาของคนคู่นี้ตลกมากๆ หัวเราะได้ตลอดเลย สุดยอดครับ
แล้วทั้งคู่ก็เป็นแสงเงินแสงทองของชีวิต (Silver Linings) ให้กันและกัน ประเด็นนี้สุดยอดครับ
นางเอกต้องแสดงให้พระเอกเห็นว่าที่แท้คุณน่ะบ้า ทั้งหมดนี้ต้องแสดงด้วยความรักล้วนๆ ครับ
หากไม่เจอกันและกัน ทั้งสองคงยากที่จะหายจากโรคที่เป็นอยู่

ไม่ง่ายนะครับที่จะรักษาให้หายจากโรคนี้ คนเป็นพ่อแม่ต้องเต็มที่ และถ้าโชคดีได้จุดเปลี่ยนที่สะท้อนแรงๆ อย่างตรงจุดก็หาย เพราะไม่ได้บ้า 100% ยังเหลือที่ดีอีกตั้งครึ่ง

ถ้าหนังเรื่องนี้ทำผมร้องไห้ จะให้คะแนน 10 ไปเลยครับ แต่ก็เกือบร้องไห้ในหลายฉาก หนังเดินเร็วจนร้องไห้ไม่ทัน (ฮา) 
บทสนทนาเป็นส่วนที่แข็งแรงมาก หัวเราะในหลายฉากโดยเฉพาะตอนที่พูดว่า White Lie

ส่วนอื่นในเรื่องเป็นรายละเอียดที่เสริมไม่ว่าจะเป็นอเมริกันฟุตบอล การวิ่ง การแข่งขันเต้นรำ เพลงประกอบ ล้วนมาได้ถูกที่ถูกเวลา มีจังหวะจะโคน ลงตัวมากครับ 
ไม่มีส่วนใดทำให้รู้สึกแปลกแยกและคิดในทำนองที่ว่าน่าจะทำแบบอื่นดีกว่าไหม?

เป็นหนังออสการ์ประจำใจผมในปีนี้เลยครับ

ความรักเท่านั้นที่จะรักษาโรคได้ ไม่ว่าโรคนั้นจะหนักหนาสาหัสอย่างไร
ความรักทำให้เราไม่ทำร้ายใคร ทำให้ไม่มีสงคราม
ความรักยิ่งใหญ่แบบไม่หวังผลตอบแทน Unconditional Love รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง นำไปสู่นิพพานได้
สรรพคุณของความรักมีขนาดนี้
วันนี้คุณมอบความรักให้ใครหรือยังครับ?

มีความสุขทุกคนครับ