วันพุธที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑

90 วัน (กับเป้าหมายที่มากกว่าคำว่าลดน้ำหนัก)



ผู้เขียน : "กวิน" นพดล ดาวแสงสว่าง (kawin003@hotmail.com)
สำนักพิมพ์ : ดอกหญ้า 2000
จำนวนหน้า : 204 หน้า
ราคา : 185 บาท

เนื่องจากปีนี้ที่ทำงานเน้นเรื่องสุขภาพของพนักงาน ผู้บริหารมีดำริให้ลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม สำหรับปีนี้ หนังสือเล่มนี้จึงได้ถูกรับเลือกในการซื้อแจกพนักงานระดับหัวหน้างานผู้ชาย

เล่มนี้เป็นบันทึกประจำวันของผู้ชายที่เคยอ้วนมาก (98 กิโลกรัม) ลดลงมาเหลือ 72.4 กิโลกรัม และบันทึกนี้เป็นช่วง 90 วันของการประกวดของ www.siamfitness.com Website ของคนที่ต้องการลดน้ำหนัก
คุณกวิน น่าจะเป็น Role Model ของหลายๆ คนในการลดน้ำหนัก เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย เพื่อจะทำให้ตนเองมีหุ่นนายแบบตามที่ตั้งใจไว้

ปรัชญาที่คุณกวินใช้มี 3 ข้อ คือ
1. ควบคุมอาหาร
เน้นแคลอรี่ต่ำๆ แต่ให้คุณค่าครบห้าหมู่ พวกผัก, ผลไม้, ปลา
ผู้ชายทำงานปกติ ไม่แบกหาม ต้องการพลังงาน 2,000 kcal
ทุก 7,000 kcal คือน้ำหนัก 1 กิโลกรัม
หลีกเลี่ยงของทอด เพราะมีแคลอรี่สูง เช่น ปาท่องโก๋
ขนมบางชนิดก็พยายามเลี่ยง เช่น ขนมครก เพราะมีแคลอรี่สูง
น้ำหนักที่จะทานในแต่ละมื้อ ให้ใช้คำนี้ "มื้อเช้าทานแบบราชา มื้อเที่ยงทานแบบราชินี มื้อเย็นทานแบบเจ้าหญิง" ซึ่งคุณกวินแนะนำให้สอนเรื่องน่ี้ตั้งแต่เด็กๆ เลย เพื่อป้องกันโรคอ้วนตั้งแต่เด็ก และสร้างนิสัยการทานอาหารที่ถูกต้อง
น้ำอัดลมควรงด น้ำเปล่าดีที่สุด
ผักผลไม้ที่เป็นของดีมีมากมาย ที่เด่นๆ 7 อย่างคือ ลูกพรุน, แอปเปิ้ล, กล้วยไข่, ฝรั่ง, ถั่ว, ส้ม, บล็อคโคลี

2. หมั่นออกกำลังกาย
คุณกวินใช้การ Sit Up ที่ทำทุกวัน อย่างน้อย 100 ครั้ง ซึ่งจะทำช่วงดูทีวี ดูข่าว
มีการเดินสลับวิ่งบนลู่ ประมาณ 20-30 นาที
มีการเข้าซาวน่าบ้าง
ควรออกกำลังกายด้วยสูตร 5-20-5 นั่นคือ Warm up-ออกกำลัง-Cool down

3. พักผ่อนให้เพียงพอ
คุณกวินบอกว่า 8-9 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว เยอะจัง จะทำได้ไหมเนี่ย

สามข้อเท่านี้ครับเคล็ดลับ
แต่ในบันทึกก็จะพอเห็นว่า บางวันผู้เขียนก็ทำไม่ได้ ในวันนั้นแกจะบันทึกประมาณว่าทำผิด และจะแก้ตัวในวันถัดไป ทำแบบ Reflection ตัวเองทุกวัน

แต่ละวันจะตั้งชื่อทุกวันเลย น่าสนใจดี

ส่วนประกอบของบันทึกแต่ละวันจะมีความรู้สึก รายการอาหารแต่ละมื้อ และกิจกรรมระหว่างวัน (ตรงนี้มี Sit Up แทบทุกวัน เพราะคนมีกล้ามเนื้อจะมีอัตราการเผาผลาญอาหารได้ดีคนไม่มีกล้ามเนื้อ)
ในบันทึกจะตั้งผู้อ่านเป็นศูนย์กลางว่าเขาควรรู้อะไร เวลาอ่านเลยได้ความรู้เต็มที่ แถมอ่านสนุกตามแบบบันทึกประจำวัน บางครั้งก็ให้กำลังใจกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักด้วย

อีกเรื่องที่ผู้เขียนต้องการจะบอกคือ คนที่ลดน้ำหนักก็มีความเป็นอยู่แบบคนปกติได้ มีความสุขได้ แค่ต้องทำสามข้อข้างต้น อาจต้องฝืนบ้างบางเรื่อง เช่น กระเพราไก่ ไม่ต้องใส่ไข่ดาว, ข้าวหมูทอดไม่ต้องใส่ไข่เจียว, ก๊วยเตี๋ยวไม่ใส่กระเทียมเจียว
ทั้งนี้เลือกที่แคลอรี่ต่ำเข้าไว้ครับ แต่ทานให้ครบห้าหมู่ แบบที่ไม่ทานข้าวเลย ไม่ถูกต้องครับ

มีอีกประเด็นน่าสนใจคือการลดน้ำหนักมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลเลย พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า "มหาบพิตรจำไว้ให้ดี ท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า มีสติและทานให้พอดี ทุกครั้งเมื่อเสวยพระกระยาหาร ระลึกรู้อยู่ทุกขณะว่า มหาบพิตรกำลังต้องการทำอะไร"
สติช่วยลดน้ำหนักได้นะครับ ทานอะไร ทานที่คุณค่าของอาหารเหล่านั้น หาใช่ที่ความอร่อย
อีกเรื่องที่สนับสนุนการงดมื้อเย็นในพุทธศาสนาคือ หากถือศีลแปดขึ้นไป จะมีข้องดอาหารเย็น ทานได้เฉพาะน้ำปานะเท่านั้น นั่นแสดงว่ามื้อเย็นไม่จำเป็นตั้งแต่สมัยพุทธกาล และอีกอย่างพระสงฆ์จะได้ไม่ต้องเป็นภาระหาอาหารเย็นมาเพื่อฉันอีก

สุดท้ายหากทำสามข้อข้างต้นจนเป็นนิสัย น้ำหนักลดลงแน่นอน แต่จะค่อยๆ ลดนะครับ จะได้ไม่มี Yoyo Effect คือการกลับมาอ้วนใหม่ภายหลัง เพราะหากเราทำเป็นนิสัยแล้ว จะติดตัวเราตลอดไป

อีกคำเด็ดๆ ที่ชอบ "น้ำหนักที่ลดลง ยังไม่ดีเท่ากับสุขภาพของเราที่ดีขึ้ีน"

สุขภาพดีกันทุกคนนะครับ